Kia รถยนต์แบรนด์ดังจากเกาหลีใต้ สำหรับที่มาของคำว่า Kia (เกีย) มาจากภาษาเกาหลีที่หมายถึง เกิดขึ้นไปทั่วโลกจากเอเชีย มาจากเกาหลีคำ ki - Sino ("ออกมา") และ A (ย่อมาจาก Asia) นับรถยี่ห้อนี้ถือเป็นรถเก่าแก่ของเกาหลีใต้
นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง เพราะด้วยความมุ่งมั่นทำให้ในปี 2012 เกียได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่ 87 ในรายชื่อแบรนด์ 100 Best Global Brands ของ Interbrand ซึ่งนับว่าเติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายไปทั่วโลก
สำหรับแบรนด์ KIA ทำตลาดในไทยด้วยการเจาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ครอบครัว โดยมียนตรกรรมไฮไลท์ในรุ่น Carnival รถยนต์ MPV ขนาดใหญ่ ตัวถัง 5 ประตู มี 4 แถว 11 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ ตกแต่งในสไตล์พรีเมียม พร้อมออปชันและเทคโนโลยีความสะดวกค่อนข้างดี
นับเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ KIA โดยรถแต่ละรุ่นใส่ออปชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกค่อนข้างเยอะ คุ้มค่า คุ้มราคา นอกจากนี้ ในแต่ละโมเดลมีการแบ่งรุ่นย่อยไม่เยอะ ลูกค้าสะดวกในการซื้อ ไม่ต้องเทียบรุ่น เพื่อดูออปชันและของแต่ง
รถยนต์ KIA ในยุคใหม่ ชูความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบที่แปลกใหม่ สะดุดตา มีดีไซน์ล้ำสมัยรอบคัน พร้อมมอบทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวและจำหน่ายรถยนต์ในรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% หรือที่เรียกว่ารถยนต์ EV
ก่อนหน้านี้ KIA มีภาพลักษณ์ของแบรนด์ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม และมีภาพจำในความเป็นรถสัญชาติเกาหลีที่สูงมาก และอาจดูไม่ทันสมัย
KIA ตัดสินใจรีแบรนด์ดิ้งและปรับโลโก้ใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้องค์กรมีความทันสมัยมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับและขยายตลาดสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งกำลังเติบโตและได้การตอบรับที่ดีในปัจจุบัน
แบรนด์ KIA เป็นที่รู้จักของคนไทยมานานแล้ว โดยในอดีตมีรถยนต์จาก KIA หลายรุ่นที่ได้รับความสนใจ ทำตลาดผ่านผู้แทนจำหน่าย “กลุ่มยนตรกิจ” แต่ติดปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน เพราะไทยเป็นตลาดหลักของรถญี่ปุ่น การทำตลาดจึงไม่ต่อเนื่องและขาดช่วงอยู่บ่อยครั้ง
ด้วยความที่ KIA เป็นแบรนด์รองในตลาดรถยนต์เมืองไทย มุมมองของนักลงทุนที่อยู่ในฐานะ “ดีลเลอร์ - ผู้แทนจำหน่าย” จึงขาดความน่าสนใจ ทำให้ KIA มีโชว์รูมจำหน่ายและศูนย์บริการที่น้อยมากในไทย
KIA ไม่มีโรงงานและฐานการผลิตในไทย รถยนต์เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ (CBU) แบบ 100% อะไหล่และชิ้นส่วนบางอย่างต้องสั่งและรอส่งเมืองนอก นอกจากนี้ ระบบก็แตกต่างจากรถญี่ปุ่น จึงต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์และความรู้ของรถ KIA ในการซ่อม ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้รถยนต์ KIA มีค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง หากเกิดปัญหาต้องใช้เวลาในการรอซ่อมและรออะไหล่นานกว่ารถยนต์แบรนด์อื่น
ด้วยความที่แบรนด์ KIA ทำตลาดในไทยไม่ต่อเนื่อง มีประเภทรถยนต์และจำนวนรุ่นให้เลือกน้อยมาก (นับเฉพาะที่เข้าไทย) ทางเลือกของลูกค้าจึงลดลงตามไปด้วย ปัจจุบันรถใหม่ของ KIA จากโชว์รูมในไทย มีให้เลือกเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น คือ K2500, Carnival และ Soul EV
รถยนต์ KIA มียอดขายในไทยน้อยมาก ทำให้จำนวนอะไหล่หมุนเวียนในตลาดก็น้อยลงตามไปด้วย รถยนต์ของ KIA รุ่นเก่า ๆ หาอะไหล่แท้ยาก บางคันอาจต้องจอดรออะไหล่นานแบบไม่มีกำหนด* หรือจะเปลี่ยนไปหาอะไหล่เทียบมาใส่แทนก็ยาก เพราะระบบของ KIA แตกต่างจากรถแบรนด์ญี่ปุ่น
แบรนด์ KIA ไม่มีโรงงานและฐานการผลิตรถยนต์อยู่ในไทย ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ทำให้รถยนต์ในรุ่นเริ่มต้นมีราคาจำหน่ายที่สูงเกือบ 2 ล้านบาท** ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเสียภาษีของรถยนต์นำเข้านั่นเอง
-หมายเหตุ- ** อะไหล่หรือชิ้นส่วนบางประเภท ถ้าเป็นของรถใหม่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ ระยะเวลาการขนส่งขึ้นอยู่กับระบบ Logistic ที่เลือกใช้ / สำหรับรถเก่าที่เลิกผลิตแล้ว ก็ต้องสั่งอะไหล่นำเข้าจากต่างประเทศเช่นกัน และบางครั้งอาจไม่มีขาย ต้องรอการลงขายเป็นมือสองจากผู้ใช้งาน จึงไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน*
*** การคำนวนภาษีของรถยนต์นำเข้า ใช้สูตรที่เรียกว่า CIF (Cost + Insurance + Freight) นั่นคือ ราคาขายรถ + ค่าอากร + ค่าประกันภัย + ค่าขนส่งจากต่างประเทศ จึงทำให้รถยนต์นำเข้ามีราคาสูงกว่ารถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศ*
สรุปราคารถยนต์มือสอง Kia
ค่ายรถยนต์จากเกาหลีมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดรถยนต์ไทย Kia นับเป็นหนึ่งค่ายในนั้น โดย Kia เข้ามาทำตลาดในไทยเพียงไม่นานยังไม่ถึง 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2012 แต่ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถบ้านเราเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้เป็นกระแสมากนัก แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร เรามาดูกันดีกว่าว่ามีรุ่นไหนบ้างที่ครองใจผู้ใช้งานคนไทย
Kia เริ่มพัฒนารถตู้ MPV ประตูสไลด์เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1994 ใช้เวลานานเกือบ 4 ปี จนเป็นผลผลิตรถคันจริงออกมาในชื่อ ” Kia Carnival ” เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อปี 1998 รหัส KV จากนั้นมีการปรับโฉม Minorchange และ เพิ่มเครื่องยนต์ใหม่มาเรื่อยๆตั้งแต่ช่วงปี 2001 จนกระทั่งเปิดตัว Kia Carnival รุ่นที่ 2 ในปี 2005 – 2006 รหัสตัวถัง VQ
เป็นเวลาล่วงเลยเกือบ 10 ปี จนกระทั่งปี 2014 Kia ตัดสินใจเปิดตัวรถ 3rd Generation ในชื่อ GRAND Carnival พลิกโฉมแบบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย พัฒนาก้าวกระโดด โดยใช้เวลาพัฒนา 3rd Generation เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ถึงจะเห็นเป็นเวอร์ชั่นผลิตจริงได้ สำหรับในไทยเอง เปิดตัวเมื่อปี 2015 โดย Yontrakit Kia Motors ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีเรื่อยมา
ปัจจุบัน ถึงเวลาของ All NEW Kia Grand Carnival รุ่นที่ 4 ทายาทสืบต่อ 4th Generation ปรับรูปโฉมใหม่ แบบพลิกจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร ดีไซน์ภายนอกใหม่ทั้งคัน มีการปรับลุคให้ดูเหมือนเป็น SUV ในร่าง MPV มากยิ่งขึ้น พร้อมเติมเหลี่ยมสันตามแนวทางการดีไซน์ Theme Design ใหม่ของ Kia
อย่างที่เห็นได้ชัดคือตัวรถให้ความน่าสนใจในการขับขี่ยิ่งขึ้นให้ห้องเครื่องที่สั้นลง ฐานล้อตัวรถยาวขึ้น ความสูงตัวรถเตี้ยลง คงงานออกแบบ Tiger Nose ปรับงานออกแบบให้ทันสมัยตามยุค ไฟหน้า มาพร้อมไฟ Day Time Running Light ติดตั้งมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android auto เบาะหลัง มีระบบความบันเทิงส่วนตัว ขนาด 10.1 นิ้ว เครื่องเสียงจาก Bose มี 12 ลำโพง ทั่วห้องโดยสาร ที่ชาร์จ USB 6 จุด แถมยังมีที่ชาร์จมือถือไร้สาย และ ซันรูฟ 2 ตำแหน่ง พร้อมด้วยไฟปรับอารมณ์ ที่เรียกว่า Mood Light นอกจากนี้โครงสร้างตัวรถทั้งคันได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อให้ประสิทธิภาพที่ดีในการขับขี่มากขึ้นจาก Kia
สำหรับ Kia รถมือสอง ราคาเริ่มต้น 359,000 บาท* ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจเนอเรชัน รุ่นรถ และรุ่นปีที่ผลิตด้วย รถปีลึกราคาไม่แพง รถปีกับเจนฯ ใหม่ ราคาก็ขยับขึ้นตามลำดับ
บทสรุป Kia
สำหรับใครที่มองหารถ Kia ดี ๆ สักคันวันใช้งาน ก็ต้องมีความชำนาญในการเลือกรถอยู่สักหน่อย ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ยาก คนที่ใช้รถ Kia มีอยู่ทั่วประเทศ อาจจะไม่ใช่กลุ่ม Mass เหมือนคลับของรถเจ้าอื่น ๆ แต่ก็นับว่าเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณมองหารถ MPV ขนาดใหญ่ ราคาไม่แรง สภาพที่ใช้งานได้จริง ลองเปิดใจให้กับ Kia เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคุณ