Lexus คือแบรนด์รถยนต์หรูจาก Toyota ที่ต้องการที่จะเจาะตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมในภาคพื้นยุโรปและอเมริกา โดยในตอนนั้นประธานของ Toyota ทราบดีว่า ด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์ Toyota ยังไงก็ไม่สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดรถยนต์หรู ราคาแพงอย่าง BMW หรือ Mercedes Benz ได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเลย และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Lexus
ในประเทศไทยนั้น มีการนำเข้า Lexus รุ่นต่าง ๆ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยผู้นำเข้าอิสระหลายราย รวมถึง Toyota ประเทศไทยเองด้วย จนกระทั่งมีการตั้งบริษัท Lexus ประเทศไทยขึ้นมา มีรถหลากหลายรุ่นเข้ามาทำตลาด และแม้รถจะไม่ได้ขายดิบขายดี แต่ก็มีฐานแฟนคลับที่แน่นหนา ที่พร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์นี้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญคือผู้ที่ซื้อรถ Lexus ไป มักจะมีแต่คำพูดดีดีกับแบรนด์แบรนด์นี้เสมอ
Lexus เป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในเครือของโตโยต้าที่มุ่งพัฒนา และผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นให้มีความพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง Lexus เป็นแบรนด์รถพรีเมียมที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
Lexus เป็นอีกหนึ่งตังเลือกที่ดีสำหรับคนที่สนใจรถยนต์หรู หรือรถระดับพรีเมียม เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคาระหว่าง Lexus กับ แบรนด์รถหรูยุโรปนั้น Lexus เป็นแบรนด์รถพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์ความหรูหรา ความพรีเมียมได้ในราคาที่ย่อมเยากว่า
ถึงแม้ว่า Lexus จะเป็นยนตรกรรมระดับพรีเมียม แต่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเป็นอะไรที่น่าตกใจ เพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงนั้นถูกกว่ารถพรีเมียมหลาย ๆ แบรนด์ และยังเป็นที่พูดถึงกันอีกว่า Lexus เป็นหนึ่งในรถพรีเมียมที่น่าเชื่อถือ และมีค่าซ่อมบำรุงไม่แพง
ด้วยที่ Lexus เป็นแบรนด์ในเครือของ Toyota ซึ่งอาจจะทำให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของตัวตนแบรนด์ที่ต่างกัน และคิดว่า Lexus เป็นเพียงแค่รถที่ Toyota อัปเกรดฟังก์ชัน และขายในราคาที่สูงขึ้น แต่ที่จริงแล้วนั้น Lexus และ Toyota มีแผนการทางธุรกิจที่ต่างกัน คุณสมบัติและกลุ่มเป้าหมายก็ต่างกันด้วย
Lexus มีศูนย์ตัวแทนจำหน่ายน้อยแห่งซึ่งส่วนมากมีอยู่แค่ภายในเมืองหลวง ทำให้กระจายไปไม่ทั่วถึงมากนัก และยังมีการใช้ศูนย์บริการซ่อมร่วมกับโตโยต้าทำให้ยังมีภาพจำเดิม ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ Lexus และยังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เกิดความสับสน
สรุปราคารถยนต์มือสอง Lexus
Lexus มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุก Segment แต่รถที่สร้างชื่อให้กับ Lexus น่าจะเป็นตระกูล LS ที่เป็นรถซีดานขนาดใหญ่หรูหรา และตระกูล IS ที่เป็นรถซีดานขนาดเล็ก ที่เน้นเรื่องความสปอร์ตปราดเปรียว และถือเป็น Lexus รุ่นแรก ๆ ที่มีราคาไม่สูงมากนัก ทำให้คนทั่วไปสามารถพอที่จะเป็นเจ้าของได้ ส่วนในระยะหลังตระกูล RX ก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากความนิยมรถ SUV ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนั่นเอง
Lexus CT200h เป็นรถ Hatchback ที่ทาง Lexus ต้องการนำมาจับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรถ Hatchback ขนาดเล็กในระดับพรีเมี่ยม ตัวรถมีเส้นสายที่ดูดุดัน สปอร์ต มาพร้อมกับกระจังหน้า รุ่นนี้เปิดตัวในปี 2010 และมีให้เลือกแบบเดียวคือเครื่องยนต์แบบ Hybrid 1.8 ลิตร ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกันกับ Toyota Prius ให้การตอบสนองและสมรรถนะที่ดี ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มอย่างดีให้ความรู้สึกหรูหรา ปุ่มต่าง ๆ ถูกจัดวางมาให้ใช้งานง่าย และมีกระจกรอบคันถึง 10 บานด้วยกัน มีการ Minor Change 1 ครั้ง โดยเปลี่ยนกระจังหน้ามาเป็นแบบ Spindle Grille เอกสิทธิ์ของรถยนต์ Lexus
ในประเทศไทยมีการวางจำหน่ายอยู่ 2 รุ่นย่อยด้วยกันได้แก่รุ่น Luxury และรุ่น Sport โดยมีราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 2.15 ล้านบาท ในตลาดมือสองสามารถหาซื้อรถรุ่นนี้ได้ในราคา 558,000 บาท และในปัจจุบันทาง Lexus ก็เลิกสายพานการผลิตรถรุ่นนี้ไปแล้วในปี 2017
Lexus IS เป็นรถซีดานขนาดเล็กค่อนกลางที่เข้ามาตีตลาดรถในระดับ C-Segment โดยมีคู่แข่งหลัก ๆ คือ BMW Series 3 และ Mercedes Benz C Class โดยคำว่า IS ย่อมาจาก Intelligence Sport ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความสปอร์ต และการใช้งานจริงได้อย่างชาญฉลาดและลงตัว มีวางขายมาแล้วทั้งหมด 3 เจเนอเรชัน โดยเจเนอเรชันแรกมีการนำเข้ามาโดยผู้นำเข้าอิสระเท่านั้น และแทบจะไม่มีขายในตลาดมือสองแล้ว ส่วน Lexus ประเทศไทยมีการนำเข้าเจเนอเรชันที่ 2 และ 3 เข้ามาวางจำหน่าย Lexus IS มือสอง ราคาเริ่มต้น 440,000 บาท*
Lexus GS เป็นรถซีดานขนาดกลาง โดยคำว่า GS มาจากคำว่า Grand Sedan เป็นรถซีดานที่มีความโอ่โถง กว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายต่อผู้โดยสารและผู้ขับขี่ เป็นรถที่อยู่ระหว่างตระกูล IS และตระกูล LS เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ก่อนที่จะมีออปชั่นในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ Hybrid ในปี 2005 ออกมาวางจำหน่าย โดยในปัจจุบันมี Lexus GS ถูกผลิตออกมาทั้งหมด 4 เจเนอเรชันด้วยกัน
สำหรับเจเนอเรชันที่ 1 และ 2 ถูกนำเข้ามาโดยผู้นำเข้าอิสระเท่านั้น โดยขายควบคู่ไปกับรถคู่แฝดอย่าง Toyota Aristo ก่อนที่ทาง Lexus ประเทศไทยจะเริ่มนำเจเนอเรชันที่ 3 เข้ามาวางจำหน่าย และไม่ได้มีการนำเจเนอเรชันที่ 4 เข้ามาขาย เนื่องจากเป็นตลาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก และไม่คุ้มค่าในการลงทุน
Lexus GS เจเนอเรชันที่ 3 เจเนอเรชันนี้เปิดตัวในปี 2005 ภายใต้คอนเซปต์การออกแบบแบบ L-Finesse ให้เส้นสายที่โค้งมัน หน้าลาด ท้ายตัด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถ Lexus ในยุคนั้น และมาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมี่ยม โดยเวอร์ชั่นที่มีวางขายในประเทศไทยจะเป็นรุ่น GS300 เป็นเครื่อง 3.0 ลิตร V6 ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีการจำหน่ายรุ่น Hybrid ในปี 2006 Lexus GS โดยราคามือสองมีราคาเริ่มต้นที่ 399,000 บาท*
Lexus ES เป็นรถซีดานหรูขนาดกลาง โดย ES เป็นตัวย่อของ Exective Sedan ที่ทำตลาดอยู่ระหว่าง Lexus GS และ Lexus LS วางขายเจเนอเรชันแรกในปี 1989 พร้อมกับแบรนด์ Lexus และวางจำหน่ายมาจนถึงเจเนอเรชันที่ 7 ในปัจจุบัน เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า เน้นความหรูหรา การขับขี่ที่นุ่มสบายมากกว่าเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ โดยในเจเนอเรชันที่ 1-6 จะใช้ Platform เดียวกันกับ Toyota Camry ในขณะที่ เจเนอเรชันที่ 6-7 จะใช้ Platform ของ Toyota Avalon สำหรับเจเนอเรชันที่ 1 ไม่มีการวางจำหน่ายในประเทศไทย และเริ่มการนำเจเนอเรชันที่ 2 เข้ามาวางจำหน่าย
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 1991 ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับรุ่น LS อยู่บ้าง แต่มีรูปร่างที่สปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น โดยรุ่นนี้มีรหัสว่า ES300 เพราะเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 ให้กำลังสูงสุด 185 แรงม้า ในตลาดมือสองแทบจะไม่มีขายแล้ว
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 3 ยังคงใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรอยู่ แต่ได้รับการปรับปรุงให้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 200 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
การออกแบบของ Lexus ES ในรุ่นนี้ ยังคงได้รับอิทธิพลจากรุ่นก่อนหน้า โดยทรงรถโดยรวมยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เส้นสายต่าง ๆ ถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัย และโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมตัวถังที่ผลิตจากเหล็กชนิดใหม่ที่ให้ความแข็งแรงที่เพิ่มข้นถึง 30% ในตลาดมือสองมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 139,000 บาท
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวในปี 2001 เป็นปรับโฉมครั้งใหญ่ของรถในตระกูล ES จากรถที่ดูภูมิฐาน มาเป็นรถที่ดูสปอร์ต หรูหรา ภายในห้องโดยสารถูกตบแต่งด้วยไม้วอลนัท พร้อมที่บังแดดบริเวณกระจกหลังที่ทำงานด้วยไฟฟ้า และกระจกมองหลังที่จะปรับเอียงลงเวลาเข้าเกียร์ถอยหลังโดยอัตโนมัติ นับเป็นความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ Lexusให้ความสำคัญตลอดมา จนรถแบรนด์อื่นต้องหันมาทำตาม
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 5 เปิดตัวในปี 2007 มาพร้อมกับตัวถังที่ขยายใหญ่ขึ้น และเครื่องยนต์ที่เพิ่มขนาดจาก 3.0 ลิตรเป็น 3.5 ลิตรทำให้รถรุ่นนี้เปลี่ยนรหัสการเรียกมาเป็น ES350 และยังมีการออกรุ่น ES240 ที่เป็นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบ เข้ามาวางจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย
ภายในยังคงได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนเดิม อุปกรณ์ใหม่หลัก ๆ ที่มีการติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาคือ ถุงลมนิรภัย 8 จุด กุญแจรีโมทอัจฉริยะ ระบบ Adaptive Cruise Control ที่จะคอยปรับเปลี่ยนความเร็วรถยนต์ตามรถด้านหน้า ด้วย sensor รักษาระยะห่าง รวมไปถึงระบบ Self Parking ด้วย
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 6 เปิดตัวในปี 2012 โดยมี 2 รุ่นย่อย คือ ES350 และ ES300h ที่เป็นเครื่องยนต์ Hybrid มาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ เอกลักษณ์ของ Lexus ภายในมาพร้อมกับระบบ Remote Touch Interface มีลักษณะคล้าย ๆ กับเมาส์ที่สามารถเลื่อนไปบนหน้าจอ เพื่อดูสถานะของรถ รวมถึงสั่งการต่าง ๆ ด้วย ระบบความปลอดภัย ได้รับการอัพเกรด โดยมีการติดตั้งระบบเตือนรถยนต์ในจุดบอด ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนส์ พร้อมถุงลมนิรภัยมากถึง 10 จุด และมีการ Minor Change ในปี 2005
Lexus ES เจเนอเรชันที่ 7 เปิดตัวในปี 2018 มาพร้อมกับระบบ Lexus Safety System+ 2.0 ด้านนอกไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ที่เปลี่ยนไปคือ มีการออกรุ่นขับเคลื่อนแบบ AWD ที่สามารถส่งกำลังแบบ 50/50 ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อเพื่มกำลัง และการเกาะถนในเวลาขับขี่ มาพร้อมกับ Day Time Running Light รูปตัว
Lexus LS คือรถที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Lexus และทำให้ Lexus ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มีวางจำหน่ายมาแล้ว 5 เจเนอเรชัน โดยเจเนอเรชันที่ 1 - 4 จะมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V8 และขับเคลื่อนล้อหลัง ก่อนจะมีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ V6 ในเจเนอเรชันที่ 5 โดยคำว่า LS เป็นตัวย่อของคำว่า Luxury Sedan และถือเป็นเรือธงหรือ Flagship Product ของแบรนด์ Lexus
Lexus LS เจเนอเรชันที่ 1 เปิดตัวในประเทศอเมริกาในปี 1989 พร้อมกับแบรนด์ Lexus เป็นรถที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้เป็นรถหรูที่ประหยัดน้ำมันมาก มาพร้อมกับอุปกรณ์ภายในที่มีอย่างครบครันทั้งถุงลมนิรภัย กระจกมองหลังที่ปรับด้วยไฟฟ้า หน้าปัดที่ตกแต่งด้วยไม้วอลนัต และเบาะหนังหรูหรา
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 250 แรงม้า และกลายมาเป็นรถที่ขายดีมากโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน และทำให้แบรนด์ Lexus เปิดตัวสู่ตลาดโลกได้อย่างสวยงาม
Lexus LS เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 1994 และขายจนถึงปี 2000 รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเจเนอเรชันที่ 1 อย่างมาก ทั้งความประหยัดน้ำมัน ตัวถังที่มีความแข็งแรง และใหญ่ขึ้น ตลอดจนเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้พละกำลังสูงขึ้นเป็น 260 แรงม้า พร้อมระบบปรับอากาศแบบแยกโซนสองด้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทันสมัยมากในตอนนั้น การออกแบบ ยังมีความคล้ายคลึงกับรถในเจเนอเรชันที่ 1 ส่วนรุ่นหลังปี 1997 จะหันมาใช้เครื่องยนต์ที่เป็นระบบหัวฉีด VVT-i เหมือนกับรถยนต์ของ Toyota
Lexus LS เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 2000 และขายจนถึงปี 2006 ในปัจจุบันยังพอหาได้ในตลาดมือสองโดยมีราคาเริ่มต้นที่ 399,000 บาท ถือเป็นรถหรูที่น่าสะสมอีกคันนี้ โดยการออกแบบนั้นยังคงได้รับอิทธิพลมาจากทั้งสองเจเนอเรชันแรก ตัวรถยังมีความ Boxy คือด้านหน้า ด้านหลังมีความสมดุลย์กัน เพียงแต่เปลี่ยนเส้นสาย ให้มีความโค้งมน กลมกลึง ลงตัว และทันสมัยมากขึ้น
รถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้ยิ่งประหยัดน้ำมันมากขึ้นไปอีก ส่วนเครื่องยนต์ก็ได้รับการอัพเกรดเป็นเครื่องยนต์ขนาด 4.3 ลิตร 290 แรงม้า มีการ Minor Change ในปี 2003 โดยการติดตั้งถุงลมนิรภัยที่บริเวณเข่า กล้องมองหลัง และ Sensor เตือนเมื่อมีวัตถุเข้าใกล้ โดยรถในเจเนอเรชันนี้จะใช้รหัสว่า LS430
Lexus LS เจเนอเรชันที่ 4 ในรุ่นนี้มีรหัสว่า LS460 มีรูปลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ L-Finesse ซึ่งเห็นได้ชัดจากด้านท้ายที่มีลักษณะค่อย ๆ ลาดลงด้านหลังให้ความรู้สึกสปอร์ตและดูโฉบเฉี่ยว มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4.6 ลิตร 380 แรงม้า และในปี 2007 มีการออกรุ่น Hybrid ออกมาวางจำหน่าย
รุ่นนี้เป็นรถที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยกวาดรางวัลทรงเกียรติมาจากหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็น World Car of the Year 2007, International Car of the Year 2007 และรางวัลจากนิตยสารดัง ๆ มากมายทั่วโลก โดยมีราคามือสองเริ่มต้นที่ 1.2 ล้านบาท
Lexus LS เจเนอเรชันที่ 5 มีรหัสว่า LS500 เปิดตัวในปี 2017 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รุ่นย่อยในประเทศไทยคือ LS350, LS500 และ LS500h ซึ่งรุ่นหลังเป็นเครื่องยนต์ Hybrid โดยทาง Lexus ต้องการให้รถรุ่นนี้เป็นรถที่นำพา Lexus ไปสู่อนาคต เริ่มจากการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ดุดัน ให้ความสำคัญกับผู้โดยสารด้านหลังเป็นพิเศษ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสุด Lexus Safety System Plus และเครื่องเสียง Mark Levinson ส่วนภายในมีผสมผสานความประณีตของญี่ปุ่น ให้เข้ากับความทันสมัยของโลกยุคปัจจุบัน โดยมีราคามือหนึ่งเริ่มต้นอยู่ที่ 13.1 ล้านบาท
Lexus NX เป็นรถ Crossover ขนาดเล็กค่อนกลาง ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการรถ Crossover ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคปัจจุบัน รถรุ่นนี้เปิดตัวในปี 2014 และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยกลายเป็น Lexus รุ่นที่ขายดีที่สุดในยุโรป
Lexus NX เจเนอเรชันที่ 1 Lexus เลือกที่จะเปิดตัวรถรุ่นนี้ที่งาน Motor Show ที่ปักกิ่ง โดยเป็นรถที่ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่หมด โดยมีการแชร์ส่วนประกอบบางส่วนเพียงเล็กน้อยกับ Toyota Rav 4 ตอนเปิดตัวในประเทศไทยนั้น มีรุ่นย่อยสองรุ่นด้วยกันคือ NX300h ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Hybrid ให้แรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า และรุ่น NX300 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อม Turbo เพื่อสมรรถนะและการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี ESTEC ที่ช่วยให้การเผาไหม้ในห้องเครื่องเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในตลาดมือสองมีราคาเริ่มต้นที่ 1.3 ล้านบาทในรุ่น Hybrid
Lexus NX เจเนอเรชันที่ 2 สำหรับเจเนอเรชันนี้เพิ่งเปิดตัวไปในปี 2020 มีทั้งเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร และเครื่องแบบ Hybrid และคาดว่าจะเริ่มขายในประเทศไทยในปี 2022 นี้
Lexus RX เป็นรถ SUV ขนาดกลาง ในสมัยตอนที่ขายใหม่ ๆ Toyota ขายรถรุ่นนี้ไปพร้อม ๆ กับ Toyota Harrier และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยเฉพาะในประเทศอเมริกา ซึ่งแนวคิดของ Lexus RX นั้น ต้องย้อนกลับไปในปี 1994 ตอนที่ผู้บริหารของ Toyota เห็นว่า ตลาดรถ SUV ขนาดกลาง ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรถระดับหรู หรือพรีเมี่ยมอยู่ ทาง Toyota จึงต้องการที่จะหารถซักคัน เพื่อมาจับกลุ่มเป้าหมายตรงนี้ โดยมุ่งเน้น เป็นรถครอบครัว ที่บรรดาพ่อแม่ที่อยู่ชานเมืองจะใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ในวันหยุดก็สามารถพาสมาชิกไปเที่ยวสนุก ๆ ได้
Lexus RX วางขายเจเนอเรชันแรกในปี 1998 จนมาถึงเจเนอเรชันที่ 4 ในปัจจุบัน ซึ่งราคามือหนึ่งของเจเนอเรชันปัจจุบันจะอยู่ที่ 4.2 ล้านบาท
Lexus RX เจเนอเรชันที่ 1 เป็นรถที่ผลิตมาจาก Platform ของ Toyota Camry มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดที่ 220 แรงม้า มาพร้อมกับเทคโนโลยีครบครัน ทั้งระบบเบรค ABS ระบบกระจายแรงเบรค และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ในประเทศไทยนั้นมีการนำเข้า Toyota Harrier ซึ่งเป็นรถคู่แฝด ทำให้ Lexus RX ในเจเนอเรชั้นนี้ไม่ค่อยมีในประเทศไทย
Lexus RX เจเนอเรชันที่ 2 เจเนอเรชันนี้เปิดตัวในปี 2003 มีความโดดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารที่คอนโซลกลางจะถูกแยกออกเป็นสองด้านเหมือนกับปีกนก มีจอแสดงผลอยู่ตรงกลาง พร้อมเครื่องปรับอากาศแยกสองด้าน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และ 3.0 ลิตร มีราคามือสองเริ่มต้นอยู่ที่ 399,000 บาท
Lexus RX เจเนอเรชันที่ 3 เจเนอเรชันนี้เปิดตัวในปี 2008 มาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่ดูทันสมัยมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์การออกแบบแบบ L-Finesse พร้อมทั้งการพัฒนาระบบส่งกำลัง มีการติดตั้งระบบ Active Torque Control เข้ามา ซึ่งจะเป็นระบบที่จะคอยกระจายกำลังเครื่องไปตามล้อต่าง ๆ ตามสภาพการขับขี่ และพวงมาลัยก็เปิดพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ 100%
ครื่องยนต์ของเจเนอเรชันนี้ในประเทศไทยเป็นเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร Dual VVT-i 275 แรงม้า มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดบวกลบ และระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ
Lexus RX เจเนอเรชันที่ 4 มาถึงเจเนอเรชันปัจจุบัน 4 ที่เปิดตัวในปี 2015 เป็นเจเนอเรชันล่าสุด ที่ตอนนี้มีวางจำหน่าย 4 รุ่นคือ RX300 , RX300F ซึ่งทั้งสองรุ่นให้กำลังสูงสุด 238 แรงม้า เป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร รุ่น RX350 F Sport เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร ให้กำลัง 300 แรงม้า และรุ่น RX450 ที่ให้กำลังสูงสุด 263 แรงม้า
การออกแบบยังคงความเป็นเอกลักษณ์พร้อม Spindle Grille ที่บริเวณกระจังหน้า หน้าจอ 12.3 นิ้วภายในห้องโดยสาร หน้าจอกล้องหลังที่ให้มุมมองแบบพาโนรามา และระบบปรับไฟสูงต่ำอัตโตมัติ ช่วยในเรื่องของการกระจายแสง เพื่อป้องกันการรบกวนกับผู้ขับขี่คนอื่น
บทสรุป Lexus
Lexus เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสามารถในการผลิตรถยนต์หรูที่มีคุณภาพสูง โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทาง Lexus ปรัชญาในการผลิตรถยนต์ว่า “The Relentless Pursuit of Perfection” ซึ่งแปลได้ตรง ๆ ว่า การพยายามอย่างไม่ลดละ ในการเฟ้นหาความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นใครที่ซื้อรถ Lexus ไป รับรองได้เลยว่าจะได้รถที่สมบูรณ์แบบ และอยู่คู่กับคุณไปเป็นเวลานานเลยทีเดียว และในปัจจุบัน Lexus ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมรถยนต์ในทุก Segment ใครอยากได้รถแบบไหน Lexus สามารถตอบโจทย์ได้หมด
ในตลาดมือสอง มี Lexus วางขายอยู่หลายรุ่นด้วยกัน หลายคันมีราคาไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด แต่อยากลองเป็นเจ้าของรถยนต์หรูซักคัน นอกจากนี้ Lexus ยัมีศูนย์บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้ Lexus เป็นอีกแบรนด์รถยนต์หรูที่ไม่ควรองข้ามโดยเด็ดขาด