Proton เป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศมาเลเซีย ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปี 2018 โดยช่วงที่เข้ามาทำตลาดนั้นได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี ด้วยการเน้นราคาที่ถูก ให้ความคุ้มค่า การออกแบบที่ดูทันสมัย และรุ่นรถที่มีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ
ในประเทศไทย Proton ร่วมมือกับบริษัทพระนครยนตรการ ในการนำเข้ารถยนต์ Proton โดยเริ่มทำตลาดในปี 2007 ตั้งเป้าในการจำหน่ายไว้ที่ 3,000 คันต่อปี และวางจำหน่ายรถยนต์ในทุก Segment ซึ่งในข้อหลัง Proton ก็สามารถทำได้จริง แต่ในข้อแรกนั้นเป็นที่น่าเสียดายที่ Proton ไม่สามารถทำได้
ในปี 2017 Proton ถูกขายให้กับบริษัท Geely ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน และเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างภายในของบริษัท พร้อมกับแก้ไขปัญหาด้านสภาพคล่อง ทำให้ทาง Proton เลิกต่อสัญญากับกลุ่มพระนครยนตรการ และยุติการจำหน่าย Proton ในประเทศไทยในที่สุด
สรุปราคารถยนต์มือสอง Proton
Proton ในตลาดมือสองนั้น มีหลากหลายรุ่นด้วยกัน และหลายรุ่นก็เป็นที่นิยมของชาวไทย แต่ที่น่าจะขายดีที่สุดเห็นจะเป็นรถเล็กอย่าง Proton Savvy และรถขนาดกลางอย่าง Proton Persona ที่แม้ในปัจจุบัน Proton จะไม่ได้ทำตลาดในประเทศไทยแล้ว เราก็ยังสามารถเห็นรถเหล่านี้วิ่งตามท้องถนนได้อยู่
ถ้าจะพูดว่า Proton Saga คือรถที่สร้าง Proton มาก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะรถรุ่นแรกของ Proton ที่ออกจากสายพานการผลิต ก็คือเจ้า Proton Saga นั่นเอง โดยในเจเนอเรชันแรกนั้นเป็นการใช้ตัวถังของ Mitsubishi Lancer มาดัดแปลง เพื่อจำหน่าย โดยวางขายตั้งแต่ปี 1985-2003 ยาวนานถึง 18 ปีเลยทีเดียว และกลายมาเป็นรถยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยเจเนอเรชันที่ 2 ในปี 2008
Proton Saga ยังมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบเบรค ABS และระบบกระจายแรงเบรค โดยมีราคาเปิดตัวในตอนนั้นเพียง 399,000 บาทเท่านั้น
เพื่อตอบรับตลาดรถ Hatchback 5 ประตูขนาดเล็กที่กำลังเป็นที่นิยมของไทย ทาง Proton จึงส่ง Proton Savvy เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2014 โดยมีราคาเริ่มต้นตอนเปิดตัวเพียง 399,000 มีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์แบบ Funky Design ดูมีความสนุกสนาน โดนใจวัยรุ่น มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย
แต่สิ่งที่เป็นความโดดเด่นอีกอย่างของ Proton Savvy คือ ระบบควบคุมรถและกันสะเทือนที่ได้มาจากเทคโนโลยีรถสปอร์ตอย่าง Lotus นั่นเอง ทำให้ Proton Savvy เป็นรถที่ขับขี่สนุก คล่องตัว และให้การตอบสนองที่ดี ผ่านทางเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว 1200 CC
Proton Neo เป็นรถ Hatchback 3 ประตู สไตล์สปอร์ต คือเป็นรถที่สามารถนั่งได้ 4 คน แต่มีประตูเพียง 2 ประตูเท่านั้น เหมือนกับรถคูเป้ เป็นรถที่ Proton นำเข้ามาเพื่อตอบโจทย์วัยรุ่นที่ซื้อรถมาเพื่อขับคนเดียวเป็นหลัก ถือเป็นรถที่มีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูง
เจเนอเรชันแรกของ Proton Neo มีชื่อว่า Proton Satria และไม่ได้ขายในประเทศไทย โดยเป็นการนำ Mitsubishi Colt มาแต่งหน้าทาปากใหม่เท่านั้น แต่ในเจเนอเรชันที่ 2 ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนั้น เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มเข้ามาวางจำหน่ายในปี 2009
Proton Neo มีเส้นสายโค้งมน ดูสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวเป็นอย่างมาก มีลูกเล่นในไฟหน้าโปรเจคเตอร์ 4 ดวง และไฟท้าย ด้วยกรอบไฟที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นสองลูก ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ดูแปลกตา ในรุ่นแต่งพิเศษที่ชื่อ CPS จะมีสปอยเลอร์อันใหญ่อยู่บริเวณด้านหลังมาให้ด้วย
แต่เนื่องจากเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้รถรุ่นนี้ขายไม่ค่อยดีในประเทศไทย จนสุดท้ายก็เลิกทำตลาดไปในปี 2015
Proton Persona เปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกในปี 2009 เพื่อมาแทนที่ Proton Gen2 ที่ทำตลาดในไทยเพียง 2 ปี ก่อนจะมีการ Minor Change ในปี 2010 และถูกแทนที่ด้วย Proton Preve ในปี 2012 มีความโดดเด่นในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งใน Segment เดียวกันเป็นอย่างมาก โดยราคาที่วางไว้ตอนเปิดตัวนั้น มีราคาเพียง 511,000 บาท เกือบจะเท่ากับรถญี่ปุ่นในกลุ่ม B Segment เลยทีเดียว
นอกจากนี้ Proton Persona ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ดูเหมือนรถสปอร์ต มีสปอยเลอร์หลังทรงตูดเป็ด พร้อมกับฝากระโปรงหลังที่โค้งเข้าด้านในให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนกับรถยี่ห้ออื่น มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรค ABS และระบบควบคุมการกระจายแรงเบรค
ขุมพลังของ Proton Persona เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร CamPro 16 วาล์ว 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดที่ 110 แรงม้า และรองรับน้ำมันถึงน้้ำมัน E20 รวมถึงยังมีรุ่น CNG ให้เลือกใช้อีกด้วย
Proton Preve เป็นรถคันแรกของ Proton ที่ทาง Proton ต้องการให้เป็น “Global Car” คันแรกของแบรนด์ คือรถที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อลูกค้าทั่วโลกอย่างแท้จริง โดยจะมาทำตลาดแทน Proton Persona ที่ทำตลาดมาก่อนหน้า โดยตัวรถได้รับการออกแบบจาก Italdesign Guigiaro จากอิตาลี ให้ความรู้สึกคลาสสิค สมส่วน และมีเส้นสายที่สวยงาม วางขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี 2013
Proton Preve มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือกคือ 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 108 แรงม้า และเครื่อง 1.6 ลิตร CamPro CFE พร้อม Turbo 138 แรงม้า เพื่อเพิ่มความแรงให้กับการขับขี่ มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมดบวกลบให้เลือก ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลกว่ารถคู่แข่ง พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีมาให้อย่างครบครัน
นักวิจารณ์ทั่วโลกที่ได้ลองขับ Proton Preve ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือรถที่ทำให้ความคิดเกี่ยวกับแบรนด์ Proton นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย และพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากรถรุ่นก่อน ๆ ของ Proton
Proton Exora เป็นรถ MPV ที่ทาง Proton ออกแบบตั้งแต่ศูนย์ โดยใช้เทคโนโลยีของ Proton ล้วน ๆ ถือเป็นรถอีกรุ่นที่ Proton มีความภูมิใจมาก โดยเริ่มมีการวางแผนโครงการในปี 2006 จนกระทั่ง Proton Exora เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2009
Proton Exora เจเนอเรชันที่ 1 เปิดตัวในประเทศไทย ในปี 2009 เช่นกัน เพื่อเข้ามาชิงชัยในตลาดรถยนต์ MPV ขนาดกลาง ซึ่งตอนนั้นมีเจ้าตลาดอย่าง Toyota Innova เป็นเจ้าตลาดอยู่
การออกแบบของ Proton Exora นั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถนำพาครอบครัวไปเที่ยวในที่ไกล ๆ ได้ โดยจะต้องมีการขับขี่ที่นุ่มนวล นั่งสบาย ซึ่งระบบกันสะเทือนและช่วงล่างที่ได้มาจาก Lotus ก็มีส่วนช่วยอย่างมาก มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้า ตัวถังก็มีการใช้เหล็กกล้าที่เป็นส่วนผสมพิเศษที่ให้น้ำหนักเบา แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่ง และให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร
ภายในของ Proton Exora ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ที่นั่งแบ่งออกเป็น 3 แถว แถวละ 2 ที่นั่ง ทำให้ Exora สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 6 คน พร้อมความสามารถในการพับเก็บเบาะได้หลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ ส่วนขุมพลังของ Proton Exora ในเจเนอเรชันนี้นั่นเป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 125 แรงม้า พร้อมระบบวาว์ลแปรผัน และเทคโนโลยีท่อไอดีแปรผัน เพื่อให้กำลังเครื่องที่ดีขึ้น
Proton Exora เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในประเทศไทย ในปี 2012 โดยมีรูปร่างหน้าตาที่ทันสมัย และโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบเฉียงขึ้น มาพร้อมสเกิร์ตข้าง กันชนหน้าหลังแบบสปอร์ต และสปอยเลอร์หลัง ทำให้หลายคนเริ่มที่จะหันมามองรถรุ่นนี้มากขึ้น
ภายในของ Proton Exora รุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายมากขึ้น และยังมีการติดตั้งระบบ Cruise Control มาให้ในบางรุ่นอีกด้วย
เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิม แต่ได้รับการดัดแปลงจนมีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 138 แรงม้า พร้อม Turbo และ Intercooler เพื่อเพิ่มความแรง ให้การขับขี่ที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน
บทสรุป Proton
แม้จะเลิกทำตลาดไปในประเทศไทยไปแล้ว แต่ Proton ก็ยังเป็นแบรนด์ที่หลายคนให้ความไว้วางใจในเรื่องของความคุ้มค่า และเรื่องของระบบกันสะเทือนและช่วงล่างที่ได้รับเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญมาจากบริษัทรถสปอร์ตที่มีชื่อเสียงอย่าง Lotus
ในปัจจุบันเรายังคงเห็นรถยนต์ Proton มากมายวิ่งกันอยู่ตามท้องถนน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต ราคาไม่แพง ขับสนุก และคล่องตัว ทำให้ Proton เป็นอีกแบรนด์ที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าคุณกำลังหารถราคาถูกที่คุ้มค่า คุ้มราคา และสามารถหาอู่ซ่อมที่คุณไว้ใจได้