Toyota Harrier เป็นรถ SUV Crossover ขนาดกลางที่ออกมาทำตลาดเป็นครั้งแรกในปี 1997 โดยวางตำแหน่งเป็นรถ SUV ระดับพรีเมี่ยม หรูหรา คันแรกของโลก เพื่อจับตลาดคนที่มีอายุ อาศัยอยู่นอกเมืองแต่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และกำลังมองหารถแบบ Crossover ที่กำลังค่อย ๆ เป็นที่นิยมในตลาดโลก
จริงๆ แล้วรถยนต์รุ่นนี้เป็นผลมาจากการทานอาหารกลางวันร่วมกันครั้งหนึ่งของผู้บริหาร Toyota ในปี 1993 โดยทางผู้บริหารอยากได้รถ Crossover ที่มีความพรีเมี่ยม ผสมผสานความหรูหราของรถยนต์ซีดาน เข้ากับความอเนกประสงค์ของรถแวน และช่วงล่างที่ยกสูงของ SUV โดยจะต้องออกมาเป็นรถที่สามารถขับในเมืองได้คล่องตัว หรูหรา และมีตำแหน่งนั่งที่สูงเพื่อการขับขี่ที่สะดวก
จากปี 1997 มาจนถึงปัจจุบัน Toyota Harrier มีการวางจำหน่ายมาแล้วรวมทั้งหมด 4 เจเนอเรชัน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นรถ SUV Crossover ที่ได้ประสบความสำเร็จมากคันหนึ่งของโลก และมียอดขายทั้งในอเมริกา และยุโรปที่ดีมาก การันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมาย ส่วนในประเทศไทยนั้นมีการนำทั้งสี่รุ่นเข้ามาจำหน่าย โดยผู้นำเข้าอิสระ และยังสามารถหาซื้อได้ในตลาดมือสองอยู่ โดยมีทั้งแบบที่ขับเคลื่อนสองล้อ หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ
สรุปราคามือสอง
เนื่องจากเป็นรถนำเข้าทั้งคัน ทำให้ราคาขายมือหนึ่งของ Toyota Harrier ค่อนข้างสูง และมีลูกค้าที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ส่วนในตลาดมือสองนั้นก็มีอยู่หลากหลายรุ่นด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นรถในเจเนอเรชันที่ 2 ที่มีการวางจำหน่ายคั้งแต่ปี 2003-2012 โดยตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 3 ขึ้นไป จะมีการนำรุ่น Hybrid เข้ามาขายด้วย ส่วนเจเนอเรชันที่ 4 เพิ่งมีการนำเข้ามาขายในประเทศในปี 2020 จึงยังไม่มีการขายรถมือสองในตลาดมือ นอกจากนั้น Toyota Harrier ยังมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้อ ขึ้นอยู่กับความต้องการ และการใช้งานของผู้ซื้อ สิ่งที่ควรระวังคือศูนย์ซ่อมที่อาจจะมีค่อนข้างจำกัด และรถในเจเนอเรชั้นที่ 1 และ 2 เป็นรถที่มีอายุค่อนข้างมากแล้ว อาจจะต้องตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้ดีก่อนซื้อ หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1997
เจเนอเรชันแรกของ Toyota Harrier สร้างบนพื้นฐานเดียวกับ Toyota Camry เป็นรถ SUV รุ่นแรก ๆ ของโลกที่ไม่มีล้อหลังติดมาที่ท้ายรถ ทำให้รถดูมีความปราดเปรียว แปลกใหม่ และพรีเมี่ยมมากขึ้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 4 สูบ 3000 CC ให้แรงม้าสูงถึง 220 แรงม้า นับว่าเป็นรถ SUV ที่นอกจากจะมาพร้อมความหรูหรา ยังมาพร้อมกับความแรงและพละกำลังที่เหลือเฟืออีกด้วย
นอกจากนี้ Toyota Harrier ยังติดตั้งระบบเบรค ABS ระบบกระจายแรงเบรค และถุงลมนิรภัยคู่หน้ามาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ซึ่ง Toyota Harrier ในเวอร์ชั่นนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถ SUV ที่ช่วงล่างนุ่ม ขับสบาย และมีเสียงในห้องโดยสารที่เงียบมาก
รุ่นปี 2003
สำหรับเจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวที่ประเทศอเมริกาในปี 2003 ตลาดหลักของรถรุ่นนี้ที่ขายภายใต้แบรนด์ Lexus โดยมีรูปร่างภายนอกที่มีความโฉบเฉี่ยวมากกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ LED และมีตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
แต่ที่เปลี่ยนไปมากที่สุดเห็นจะเป็นภายในห้องโดยสาร ที่ถูกออกแบบมาภายใต้คอนเซปต์ “ความปราดเปรียวของนกผู้ล่า” เห็นได้จากบริเวณคอนโซลกลางจะถูกแยกเป็นสองข้างเหมือนปีกนก มีจอแสดงผลอยู่ตรงกลาง และมีการนำลายไม้มาประดับตกแต่ง เพื่อเพิ่มความหรูหรา พร้อมเครื่องปรับอากาศแบบแยกสองด้าน ส่วนเครื่องยนต์นั้นเครื่อง 3000 CC ยังคงเป็นเครื่องตัวเดิม แต่ในเครื่อง 2000 CC ถูกอัพเกรดให้กลายเป็น 2400 CC และมีการ Minor Change อีกครั้งในปี 2007 ซึ่งเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูทันสมัยขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ในปี 2005 ยังมีการออกรุ่น Hybrid ออกมา ทำให้ Toyota Harrier กลายเป็นรถ SUV Hybrid คันแรกของประเทศญี่ปุ่น
รุ่นปี 2013
Toyota Harrier เจเนอเรชันนี้ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนปี 2013 โดยตัวรถได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยว และดูสปอร์ตมากขึ้น ความพิเศษของรถยนต์รุ่นนี้คือมีการออกแบบภายในห้องโดยสาร ก่อนที่จะออกแบบภายนอก โดยที่ห้องโดยสารได้รับการออกแบบในคอนเซปต์ของ “ความลื่นไหลของโลหะ”เหมือนกับนำเหล็กมาละลายแล้วทำเป็นลายคลื่น ถือเป็นการออกแบบที่ท้าทาย แต่ทางนักออกแบบก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทางด้านหน้าของผู้โดยสารข้างคนขับ ที่มีการเพิ่มพื้นที่ด้วยการออกแบบคอนโซลให้มีความเว้าเข้าไปอย่างลงตัว
เครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงโดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบคือเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร Turbo โดยตัวสุดท้ายนั้นให้กำลังสูงสุดถึง 231 แรงม้า มาพร้อมกับช่วงล่างด้านหลังแบบ Double Wishbone ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง และช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนระบบเกียร์ และระบบขับเคลื่อนให้มีการส่งกำลังไปยังล้อหน้าตามสภาวะการขับขี่ ทำให้ Toyota Harrier ในรุ่นนี้ประหยัดน้ำมันเป็นอย่างมาก ลบล้างข้อด้อยของ Toyota Harrier ทั้งสองรุ่นก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี และยังมีออปชั่นเป็นเครื่องยนต์แบบ Hybrid ให้เลือกใช้ด้วย
รุ่นปี 2020
มาถึงเจเนอเรชันปัจจุบันของ Toyota Harrier ที่มาด้วยหน้าตาทันสมัย ไฟหน้า LED แบบตาเหยี่ยว พร้อมเส้นสายของรถที่มีความดุดันมากขึ้น มีกระจังหน้าขนาดใหญ่ยักษ์ คาดด้วยเส้นบาง ๆ ตรงกลาง ส่วนไฟหน้ามีเส้นเชื่อมตรงกลาง ให้ความรู้สึกลื่นไหล โฉบเฉี่ยว
แต่ที่สำคัญที่สุดคือเป็นรถที่สร้างบน Platform TNGA ซึ่งเป็น Platform ใหม่ของรถ Toyota ที่สร้างชื่อเสียงมาแล้วทั่วโลก ทำให้ Toyota เปลี่ยนจากรถที่สมรรรถนะดูธรรมดา กลายเป็นรถที่ขับสนุก เกาะถนนหนึบแบบรถยุโรป เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้ด้วยความมั่นใจ
ภายในมีการตกแต่งด้วยวัสดุที่มีคุณภาพมากขึ้น และกว้างขวางกว่าเดิม และมีหลังคา Panoramic Roof ที่สามารถปรับความเข้มอ่อน เพื่อให้เหมาะกับปริมาณแสงแดดภายนอกได้
ส่วนเครื่องยนต์มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Hybrid และเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ดี และด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ พร้อมโชคอัพที่สามารถปรับระดับความนุ่มนวลตามความเร็วที่ใช้งานได้ ทำให้ Toyota Harrier รุ่นนี้ยังคงจุดเด่นในเรื่องของการขับขี่ที่นุ่มสบายที่ได้มาจาก Toyota Harrier ในเจเนอเรชันแรกได้เป็นอย่างดี ส่วนพวงมาลัยก็เป็นพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ 100% ช่วยทุ่นแรงเวลาขับรถไปตามเขาที่มีทางโค้งมาก
ในปี 2020 มีการทำ Big Minor Change และทางบริษัทนำเข้าอิสระอย่าง ETON ได้มีการนำ Toyota Harrier รุ่นใหม่นี้ เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีเครื่องยนต์ทั้งสองแบบให้เลือก มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.0 โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2.49-3.49 ล้านบาท และยังไม่มีขายในตลาดมือสอง
Toyota Harrier เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Toyota Harrier
ในประเทศไทยนั้น มี Toyota Harrier ขายในตลาดมือสองหลายรุ่น โดยสว่นมาจะเป้นเจเนอเรชันที่ 2 และ 3 แต่เนื่องจากเป็นรถที่นำเข้าผ่านมาทางผู้นำเข้าอิสระ ดังนั้นจะต้องระวังเรื่องของศูนย์บริการ และอาจจะมีการเชคเรื่องเอกสารการนำเข้าให้ถี่ถ้วน แต่ถ้าเชคเรียบร้อยแล้ว Toyota Harrier คือ SUV ระดับหรู ที่นอกจากจะให้ความหรูหรา พรีเมี่ยมจากรูปลักษณ์แล้ว ก็ให้การขับขี่ที่พรีเมี่ยมกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน