Toyota Hiace รถตู้อเนกประสงค์ที่ไม่ว่าเวลาจะหมุนผ่านไปกี่ปีก็ยังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยความที่เป็นอเนกประสงค์สามารถนำมาใช้งานได้หลายรูปแบบทั้งการขนส่งสินค้าประกอบธุรกิจในการทำมาหากิน หรือเป็นรถตู้โดยสารคอยรับส่งผู้คนก็ล้วนแล้วแต่มีความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไป
โดยรถตู้ Toyota Hiace ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1967 ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะนำเข้ามายังประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2525 ถูกนิยมนำมาใช้งานในลักษณะของการเป็นรถสำหรับธุรกิจขนส่งและเป็นรถโดยสารผู้คนไปยังที่ต่างๆ จนเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่นำมาใช้งานเป็นรถตู้โดยสารสาธารณะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ยังถูกใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้
สรุปราคามือสอง
Toyota Hiace รถตู้อเนกประสงค์ที่ครอบคลุมการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้คนที่กำลังมองหารถไว้ใช้ทำธุรกิจขนส่งสินค้า หรือเป็นรถตู้โดยสารนำเที่ยวแบบเช่าเหมาคันก็ได้ ซึ่งราคามือสองในตลาดนั้นมีราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนัก ขึ้นอยู่กับรุ่นปีและสภาพรถ แต่ข้อดีก็คือสามารถซื้อมาไว้สำหรับทำธุรกิจ และที่สำคัญยังดูแลง่ายที่อู่ทั่วก็ซ่อมได้ หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1967
เริ่มต้นกันที่เจเนอเรชันที่ 1 ถูกผลิตขึ้นในปี 1967-1977 มีรหัสตัวถังคือ H10 โดยยุคนั้นจะมีการออกแบบตัวถัง 2 แบบ คือ แบบรถบรรทุก 4 ล้อ และแบบรถตู้ ซึ่งเน้นใช้งานไปที่การบรรทุกของเป็นหลัก และมีการนำมาใช้เป็นรถสาธารณะอยู่บ้าง มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร เกียร์ 4 สปีด รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 8 ที่นั่ง
รุ่นปี 1977
ต่อมาเจอเนอเรชันที่ 2 ผลิตขึ้นในปี 1977-1982 มีรหัสจงตัวถัง H11, H20, H30 และ H40 ถูกดีไซน์การออกแบบให้มีความลู่ลมมากนิ่งขึ้น เพิ่มความยาวของขนาดตัวถังที่ทำให้พื้นที่ภายในของห้องโดยสารมีความกว้างขึ้น โดยรองรับได้มากถึง 15 ที่นั่ง ส่วนเครื่องยนต์มีทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน 1.6, 1.8 และ 2.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร และรุ่นนี้ในบ้านเราได้รับฉายาว่า “หัวแตงโม”
รุ่นปี 1982
เจเนอเรชันที่ 3 ผลิตขึ้นในปี 1982-1989 มีรหัสตัวถังคือ H50 ถูกปรับขนาดตัวถังและความยาวให้กว้างและยาวมากขึ้นเพื่อรองรับผู้โดยสารให้นั่งสบายไม่อึดอัด ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซินจะมีขนาด 1.8, 2.0, 2.2 และ 4.0 ลิตร ด้านเครื่องยนต์ดีเซลมี 3 ขนาด ค่อ 2.2, 2.4 และ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่บุกเบิกตลาดในบ้านเราและทำให้เราคุ้นหน้าคุ้นตาโฉมนี้ได้เป็นอย่างดี
รุ่นปี 1984
เจเรอเรชันที่ 4 ถูกผลิตขึ้นในปี 1989-2004 มีรหัสตัวถังคือ H100 เป็นรุ่นที่ทำตลาดในบ้านเรามาอย่างยาวนานที่ใครเห็นโฉมนี้ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านของการเป็นรถตู้โดยสารสาธารณะ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของอัตราเร่ง ประหยัดน้ำมัน จึงไม่แปลกใจที่จะครองตลาดในการเป็นรถตู้ขายดีที่สุดในยุคนั้น
รุ่นปี 2004
มาต่อกันที่เจเนอเรชันที่ 5 ถูกผลิตขึ้นในปี 2004-2018 มีรหัสตัวถังคือ H200 เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดฮิตที่นิยมนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งการขนส่งสินค้า เป็นรถตู้โดยสาร หรือนำมาตกแต่งเพื่อเป็นรถตู้วีไอพีสำหรับท่องเที่ยว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดเลยก็ว่าได้
รุ่นปี 2018
ปิดท้ายกันที่เจเนอเรชัน 6 กับโฉมปัจจุบันที่มีรหัสตัวถังคือ H300 เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคใหม่ที่ยังคงเน้นไปที่การใช้งานที่ต้องคุ้มค่ามากที่สุด โดยมีการออกแบบตัวถังใหม่และได้เพิ่มเทคโนโลยีในเรื่องของความปลอดภัยเข้าไป เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารอุ่นใจตลอดเส้นทาง รวมถึงยังสร้างมาเพื่อรองรับการบรรทุกของให้ปลอดภัยทั้งสองฝ่าย โดยโฉมนี้ได้ออกแบบฝากระโปรงหน้าให้ยื่นออกมาเพื่อความทันสมัยเข้ากับยุค มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 1 GD-FTV 2,800 ซีซี เทอร์โบ 176 แรงม้า ให้พละกำลังมากขึ้นแต่ก็ยังประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเดิม
Toyota Hiace เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Toyota Hiace
ต้องบอกเลยว่า Toyota Hiace นั้นมีประสัติศาสตร์ที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เริ่มต้นจากการเป็นรถที่ใช้ดำเนินธุรกิจต่างๆ เป็นรถตู้โดยสารสาธารณะที่เรานั่งกลับบ้านกันอยู่ทุกวัน จนถึงกลายมาเป็นรถที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวแบบเช่าเหมาคัน
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ไม่ว่าจะกวาดสายตาไปทางไหนก็จะเห็นรถตู้รุ่นนี้วิ่งอยู่บนท้องถนน เพราะเหตุนี้จะเป็นคำตอบได้ชัดเจนว่าถ้าต้องการออกรถตู้แล้วจะเลือกรุ่นอะไร คำตอบมีหนึ่งเดียวก็คือ Toyota Hiace นั่นเอง