หากพูดถึงรถบรรทุกที่ทนทานและเชื่อถือได้ Mazda Fighter นับว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของใครหลายคน เนื่องจากรถบรรทุกขนาดเล็กที่ทนทานคันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับภูมิประเทศและสภาวะต่างๆ สุดท้าทาย และสามารถทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและทนทาน
ไม่ว่าคุณต้องการรถบรรทุกสำหรับทำงานหรือขับในชีวิตประจำวัน Mazda Fighter คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความสามารถแบบออฟโรดที่น่าประทับใจ หากคุณกำลังมองหารถบรรทุกที่ทนทานและตอบโจทย์ทุกการใช้งาน Mazda Fighter ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ
ลักษณะและสเปกของ Mazda Fighter
ความยาว: 5.3 เมตร ความกว้าง: 1.85 เมตร ส่วนสูง: 2.0 เมตร น้ำหนักบรรทุก: 1,660 กก. เครื่องยนต์: ดีเซล ประเภทเชื้อเพลิง: น้ำมันเบนซิน แรงบิด: 171 Nm เกียร์ : ธรรมดา 5 สปีด ไดรฟ์: 4WD ความเร็วสูงสุด: 128 กม./ชม
ข้อดีและข้อเสียของ Mazda Fighter
ข้อดี:
เกาะถนนได้ดี แม้จะบรรทุกหนัก เป็นรถที่มีความน่าเชื่อถือและค่อนข้างทนทาน ค่าบำรุงรักษาไม่แพง
จุดด้อย:
พื้นที่ห้องโดยสารภายในค่อนข้างจำกัด เครื่องยนต์ค่อนข้างเสียงดัง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Mazda Fighter
Q: Mazda Fighter กับ Mazda BT-50 แตกต่างกันอย่างไร?
A: ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ Mazda Fighter คือรถบรรทุก ในขณะที่ Mazda BT-50 เป็นรถเอสยูวี
Q: Mazda Fighter ราคาเท่าไหร่?
A: Mazda Fighter มีราคาแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปีและรุ่นของรถ
ความแกร่งของ Mazda Fighter เป็นที่เลื่องลือแต่ไหนแต่ไร ทนทานทุกสภาพการใช้งาน จะบรรทุกของหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ ว่ากันว่าแบกของหนักราว 1.5-1.7ตัน ก็วิ่งได้สบาย ๆ เกาะถนนแม้จะบรรทุกหนัก
เริ่มต้นที่เครื่องยนต์ดีเซล WL 2500cc OHC 4 สูบ 12 วาล์ว 90 แรงม้าที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิด 170 นิวตันที่ 2500 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ดีเซล WLT 2500cc OHC 4 สูบ 12 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 121แรงม้าที่ 3600 รอบต่อนาที แรงบิด 270 นิวตันที่ 2000 รอบต่อนาที ซึ่งแบบ WLT อย่างหลังเครื่องแรงกว่า
ใครเป็นสายชอบแต่งรถ กระบะรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถยอดนิยมที่นักซิ่งทั้งหลายนิยมเอามาแต่งเพิ่ม ด้วยความเรียบหรูดูเท่ ไม่หวือหวามากมาย ทว่าแต่งเติมได้ง่าย ได้ทั้งล้อ ท่อ รวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ หลากหลายสีสันตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ด้วยความที่ตลาดรถกระบะในปัจจุบันค่อนข้างมีตัวเลือกเยอะ บวกกับตัว Mazda Fighter เองออกขายมาตั้งแต่ปี 1996 ความนิยมในช่วงหลังก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ ราคาขายต่อโดยเฉลี่ยอยู่ที่หลักหมื่นปลาย ๆ ราว 70,000-90,000 บาท ตามแต่สภาพ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก ทั้งความเป็นรถเก่าที่เทคโนโลยีเรื่องการประหยัดน้ำมันมีไม่มากเท่าสมัยนี้ บวกกับเครื่องยนต์เบนซินกระบะที่มีอัตราเร่งค่อนข้างสูง จึงไม่แปลกที่จะรุ่นนี้จะกินน้ำมันมาก ยิ่งบรรทุกของเยอะ อัตราการเผาผลาญยิ่งสูงตามไปด้วย
การดูแลรักษารถรุ่นนี้อาจจะยุ่งยากสักนิด ความที่เป็นรถรุ่นเก่า ตัวอะไหล่ต่าง ๆ อาจจะหายากหรือบางตัวก็เลิกผลิตไปแล้วในปัจจุบัน ที่สำคัญ Mazda Fighter ยังเป็นกระบะที่เอาไว้ใช้บรรทุกของ (รับน้ำหนักมาก) เน้นการใช้งานเป็นสำคัญ อะไหล่และชิ้นส่วนต่าง ๆ จึงพังได้ค่อนข้างง่าย
บทสรุป Mazda Fighter
ใครที่กำลังมองหารถยนต์ Mazda Fighter ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณมากที่สุด ลองให้ Kaidee เป็นหนึ่งในทางเลือกของคุณ จะมือหนึ่งมือสอง รุ่นไหน งบจำกัดเท่าไร ที่นี่ตอบโจทย์คุณได้ทุกความต้องการ คลิกเลย