BMW Series 5 รถยนต์ซีดานพรีเมียมขนาดกลาง ที่มาพร้อมความหรูหรารอบคัน โดย BMW ได้เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1972 ขึ้นสายการผลิตต่อจาก New Class โดยวางเป้าให้เป็นรถซีดานขนาดกลางที่ให้ความรู้สึกทรงพลัง ผสมความสปอร์ต และยังแอบซ่อนความหรูหราไว้บนตัวรถได้อย่างลงตัว
อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ มีเครื่องยนต์สมรรถนะสูงวางหน้าตามแนวยาว ความจุขนาดใหญ่ และช่วงล่างที่ถูกจัดวางไว้อย่างซับซ้อน ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปในยุคสมัยนั้น และได้กลายเป็นสูตรคลาสสิกของค่ายใบพัดฟ้าขาว ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล และใช้งานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
BMW Series 5 รุ่นดังตัวนี้มาพร้อมกับสมรรถนะความเร็วแรงพร้อมแซงทุกเส้นทาง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน hybrid พร้อมด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,500 รอบต่อนาที
ขึ้นชื่อว่าเป็น BMW การออกแบบต่าง ๆ วางใจได้อย่างแน่นอน โดดเด่นด้วยความเท่อย่างมีสไตล์ หรูหราอย่างมีระดับ ด้านหน้าและท้ายรถทรงพลังมากขึ้น ส่วนตัวกระจังด้านหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ใหญ่ขึ้น 20% ไฟท้าย LED มาในรูปแบบสามมิติทรงตัว L
ความน่าสนใจของ BMW Series 5 คือเรื่องเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ให้คุณขับขี่ง่ายและสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
คนที่ขับ BMW Series 5 ในเมืองหรือพื้นที่ที่การจราจรติดขัด อาจจะเจอปัญหานี้ได้บ่อยหน่อย บางครั้งระบบเบรกของรุ่นนี้มีกระตุกบ้างบางช่วง หรือเบรกแล้วไม่สมูท ทำให้สะดุดบ้างเล็กน้อยเวลาขับขี่ หรือช่วงที่ขับแล้วต้องเบรกบ่อย ๆ วิ่งระยะไกลไม่มีปัญหา (อาจเกิดจากสลักคาลิปเปอร์เบรค (CALIPER PIN) ฝืด)
ปัญหานี้อาจพบได้ต่อเมื่อคุณใช้ BMW Series 5 มาแล้วสักระยะ ระบบเกียร์อาจมีกระตุก หรือกระชากบ้าง ทั้งนี้อาจะแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ พร้อมกรองเกียร์ หรือให้ช่างช่วยเช็กระบบเกียร์โดยรวมได้ (เป็นหนึ่งในปัญหาของบีเอ็มที่โดนผู้ใช้งานคอมเพลนบ่อย)
ส่วนมากเป็นตรงที่จับประตู หรือบริเวณที่มือคุณสัมผัสเป็นประจำ ตัวสีหรือหนังต่าง ๆ จะหลุดลอกได้ง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อยู่ที่พฤติกรรมของแต่ละบุคคลด้วย ว่าจับหรือสัมผัสอะไรบ้างที่กระตุ้นให้สีหรือหนังหลุดออก
สรุปราคามือสอง
BMW Series 5 คือหนึ่งในรุ่นรถของค่ายใบพัดฟ้าขาวที่มีฐานแฟนคลับมากมาย ไล่ไปตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น วัยกลางคน ไปจนถึงวัยเกษียณ ราคามือสองในท้องตลาดจึงกว้างมากๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยากจะครอบครองไว้เป็นรถยนต์คันแรกของตัวเอง หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1972
Series 5 โฉมแรกมีชื่อเรียกตามรหัสตัวถังว่า E12 มีจุดเด่นคือตัวถังทรงแบนและผอมยาว มีกระจกหน้าต่างบานกว้าง และแนวขอบหน้าต่างต่ำ ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ปลอดโปร่ง
ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ตัวรถนั้นต้องบอกเลยว่านี่คือต้นแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของค่าย BMW ที่ได้นำไปสานต่อใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ เรื่อยมา อีกหนึ่งจุดขายที่โดดเด่นเลยก็คือระบบความปลอดภัยของห้องโดยสาร เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบในเรื่องของการรองรับแรงกระแทกของโครงสร้างตัวถังรถยนต์
รุ่นปี 1981
จากความสำเร็จของรหัส E12 ทางค่าย BMW ตัดสินใจคงรูปลักษณ์การดีไซน์ภายนอกของตัวรถเอาไว้แบบเดิม มีการปรับปรุงด้านหน้าเล็กน้อยที่โคมไฟเล็กเพื่อเพิ่มความทันสมัย กันชนเป็นแผ่นยางหนาโอบล้อมมาถึงด้านข้าง ส่วนไฟท้ายถูกขยายให้เป็นขนาด 4 เหลี่ยมผืนผ้า
พร้อมเพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น เบรก ABS, คอมพิวเตอร์ On-board และระบบควบคุมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ใส่เข้ามาเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งในปี 1983 เปิดตัว 524td ที่ถูกวางเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก เนื่องจากในตลาดตอนนั้นกำลังเป็นที่นิยม หลังจากนั้นปี 1984 ก็ปล่อยของแรงอย่าง M5 เครื่องหกสูบแถวเรียงรหัส S38 นับว่าเป็นรถตระกูล M จากโรงงานรุ่นแรกของ Series 5 อีกด้วย
รุ่นปี 1988
BMW ได้เปิดตัว Series 5 รหัส E34 ที่มีดีไซน์ภายนอกคล้ายกับซีรีส์ 7 รหัส E32 ยิ่งตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งทำให้ได้รับตำแหน่งรถหรูที่ทนทานมากที่สุดจาก Intellinchoice ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย เบรค ABS 4 ล้อ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบป้องกันการลื่นไหลที่ได้นำมาใช้เป็นครั้งแรก จึงเรียกได้ว่านี่คือรถที่ถูกการันตีในเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุดแห่งยุค
รุ่นปี 1995
จากนั้นก็เป็นคิวของ Series 5 รหัส E39 ถูกเปิดตัวขึ้นในงานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ปี 1995 มีดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างไปจาก E34 ด้วยรูปทรงที่มีความสปอร์ต เส้นสายโค้งมนดูทันสมัย จุดเด่นอยู่ที่การเปลี่ยนมาใช้ไฟหรี่แบบวงแหวน หรือที่เรียกกันว่า Angel Eyes เป็นครั้งแรก
และหลังจากนั้นก็ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของ BMW มาจนถึงทุกวันนี้ โดยยอดขายของ E39 นั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยตัวเลข 1.47 ล้านคันทั่วโลก ก่อนที่จะยุติการผลิตในปี 2004 และยังได้รับการขนานนามว่านี่คือ Series 5 ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
รุ่นปี 2004
ผลงานการออกแบบ Series 5 รหัส E60 ของปรมาจารย์ด้านการออกแบบรถยนต์ระดับโลก “คริส แบงเกิล - Chris Bangle” ที่ต้องการสร้างแนวทางใหม่ เพื่อมุ่งสู่อนาคตให้กับ BMW ชูจุดเด่นในเรื่องของการขึ้นรูปตัวถังรถแบบ 3 มิติ ส่งผลให้ส่วนเว้าส่วนโค้งนูนนั้นมีหลายมิติมากขึ้นจากเหล็กแค่เพียงแผ่นเดียว
เหตุนี้เองจึงเกิดการโต้เถียงในสังคมจากสาวกที่ชื่นชอบในดีไซน์ของรถแบบดั้งเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปผลงานของ Chris Bangle ก็ได้ประจักษ์และถูกนำไปใช้เป็นแนวทางในการออกแบบรถยนต์ของ BMW เรื่อยมา
รุ่นปี 2011
Series 5 เจเนอเรชันที่ 6 รหัสตัวถัง F10 ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของซีรีส์ 7 รหัส F01 งานดีไซน์ถูกปรับลดโทนลงมาจากงานดีไซน์แบบอินดี้ที่ล้ำหน้า (เกินไป) ของพ่อมด Chris Bangle ทำให้นึกถึงเอกลักษณ์งานออกแบบจากยุคก่อนที่เหล่าสาวกชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก ในส่วนด้านหน้าถูกปรับองศาให้ตั้งชัน และแยกห่างออกจากกัน ส่วนท้ายถูกปรับให้มีความโค้งมนมากกว่าเดิม
แต่ก็ยังถูกวิจารณ์ในเรื่องของรถที่ดูจืด และมีความคล้ายกับซีรีส์ 3 รหัส E90 มากจนเกินไป บ้างก็มีประแสวิจารณ์ว่า BMW กำลังกลับเข้าสู่ยุคอนุรักษ์นิยม ที่งานทุกชิ้นได้ทุกครอบไว้ด้วยกรอบ ซึ่งไม่มีวันก้าวข้ามออกมาได้เหมือนกับยุคของ Bangle
รุ่นปี 2016
และก็มาถึง Series 5 เจเนอเรชันที่ 7 มีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรนำหน้ารหัสตัวถังเป็นตัว G โดยรุ่นล่าสุดใช้รหัส G30 ใช้งานดีไซน์ตัวถังในแบบ BMW ยุคหลังปี 2015 ทั้งไฟหน้า DRL ที่เปลี่ยนให้โคมไฟหน้าขยายขึ้นไปจรดกับกระจังหน้า มีช่องระบายอากาศ Air Breathers แต่สิ่งที่โดดเด่นสำหรับซีรีส์นี้คือการอัดแน่นเทคโนโลยีบวกกับการพัฒนาศาสตร์การลดน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน รวมไปถึงระบบความปลอดภัยที่ทาง BMW ยังคงให้ความสำคัญมากที่สุด
BMW Series 5 เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป BMW Series 5
BMW Series 5 เปรียบเสมือนผู้นำยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จ มีความรู้ ความมั่นใจ และการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดอย้่างชาญฉลาด แต่ก็ยังไม่ทิ้งจิตวิญญาณความสปอร์ตและท้าทายของตัวเอง รถคันนนี้ถูกออกแบบมาอย่างปราณีตในทุกมิติ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยรวมไว้ด้วยกัน แค่คุณได้ทดลองขับ รับรองว่า Series 5 จะมอบประสบการณ์บางอย่างให้กับคุณได้อย่างแน่นอน