BMW 7 Series เป็นรถซีดานหรู ผลิตโดย BMW ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1977 ซึ่งเป็นรุ่นต่อจาก BMW E3 "New Six" Sedan และปัจจุบันอยู่ในรุ่นที่หก ซีรีส์ 7 เป็นรถยนต์เรือธงของ BMW และมีเฉพาะในรถเก๋งเท่านั้น (รวมถึงรุ่นฐานล้อยาวและรถลีมูซีน) โดยในรุ่นแรกนั้นจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หกสูบ โดยเพิ่มเครื่องยนต์ V12 ในปี 1987 ตั้งแต่รุ่นที่สอง (เปิดตัวในปี 1994) รุ่น 7 Series ทั้งหมดได้ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นตัวเลือกเสริม ซีรีส์ 7 รุ่นปัจจุบัน (G11/G12) เปิดตัวในปี 2015 มีจำหน่ายในเครื่องยนต์ V8 แบบเทอร์โบชาร์จหรือ V12 แบบเทอร์โบชาร์จ
รถยนต์รุ่นนี้การตกแต่งภายในที่หรูหราและกว้างขวางซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศการเดินทางสุดหรูหรา เบาะนั่งสะดวกสบายและรองรับได้กับทุกสรีระ ห้องโดยสารเงียบสงบและมีฉนวนป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี แผงหน้าปัดและคอนโซลตรงกลางเรียบหรู สะอาดตา และไม่เกะกะ วัสดุภายในที่ใช้ตกแต่งก็เลือกใช้คุณภาพระดับพรีเมียม ทนทาน ใช้งานได้นาน
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 มาพร้อมกับคุณสมบัติทางเทคโนโลยีที่หลากหลายเป็นมาตรฐาน รวมถึงหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ การชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และระบบเสียง 16 ลำโพง พร้อมทั้งฟังก์ชั่นเสริมอันได้แก่ กล้องมองภาพกลางคืน และเบาะนั่งด้านหน้าที่ติดตั้งระบบนวด
BMW 7 Series เป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ภายในจะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือการออกแบบภายในนั้นดีเพียงใดและคุณสมบัติที่ได้มาตรฐานมีมากมายเพียงใด หากคุณกำลังมองหารถเก๋งหรูหราที่มีการตกแต่งภายในที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างดี 7 Series ก็เป็นอีกรุ่นที่แนะนำ
การออกแบบภายนอกของ BMW Series 7 โดยรวมมีความสปอร์ตและดุดันเพิ่มมากขึ้น ส่วนหน้ามีกันชนที่ปรับปรุงใหม่พร้อมไฟตัดหมอกในตัว ในขณะที่ส่วนหลังติดตั้งกันชนใหม่พร้อมปลายท่อไอเสียแบบสี่ทิศทาง เสริมความเท่ด้วยล้ออัลลอยด์ใหม่ สวยสะดุดตาทุกมุมอง
สเปกของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7
- ระยะฐานล้อ 122.5 นิ้ว (3,113 มม.)
- ความยาว 203.3 นิ้ว (5,160 มม.)
- ความกว้าง 74.9 นิ้ว (1,905 มม.)
- ความสูง 58.3 นิ้ว (1,480 มม.)
- เครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 / 5.0 ลิตร V8 / 6.0 ลิตร V12
- ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 6 สปีด / อัตโนมัติ 8 สปีด
ข้อดีและข้อเสียของ BMW Series 7
ข้อดี
- คุณสมบัติด้านการขับขี่ที่ครบครัน พร้อมฟังก์ชั่นมาตรฐานมากมาย
- เครื่องยนต์ที่ทรงพลังแต่นุ่มนวล มอบบรรยากาศการขับขี่ที่สะดวกสบาย
- ภายในกว้างขวางและออกแบบมาอย่างดี
- ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์มาก
ข้อเสีย
- มีราคาสูงมาก
- มีขนาดใหญ่และหนัก ทำให้เคลื่อนที่ในพื้นที่แคบได้ยาก
- ประหยัดน้ำมันไม่มาก เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่คุณสมบัติใกล้เคียงกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ BMW Series 7
Q: ฉันกำลังวางแผนที่จะซื้อ BMW Series 7 อะไรคือความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง 7 Series และ 5 Series?
A: ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างซีรีส์ 7 และซีรีส์ 5 คือซีรีส์ 7 เป็นซีดานหรูขนาดเต็ม ขณะที่ซีรีส์ 5 เป็นซีดานหรูขนาดกลาง ส่วนในเรื่องราคา รถในรุ่น Series 7 ก็จะมีราคาสูงกว่า
Q: BMW Series 7 ราคาเริ่มต้นเท่าไร?
A: ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 6.099 ล้านบาท
Q: BMW 740i และ BMW 740i xDrive แตกต่างกันอย่างไร?
A: BMW 740i เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ขณะที่ BMW 740i xDrive เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
Q: BMW 750i และ BMW 750i xDrive แตกต่างกันอย่างไร?
A: BMW 750i เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังในขณะที่ BMW 750i xDrive เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
BMW X7 เป็นรถอเนกประสงค์เน้นการเดินทาง ดังนั้นช่วงล่างจึงดีเยี่ยม โดยมาพร้อมเทคโนโลยีถุงลมปรับอัตโนมัติ Adaptive 2- Axle ที่รองรับแรงกระแทก และ ช่วยในการทรงตัว อีกทั้งยังมากับระบบ Executive Drive Pro ที่ลดการโอนเอนของรถแม้จะขับในพื้นขรุขระ
โดดเด่นด้วยหน้าปัดเรือนไมล์ทรงโค้ง 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกับจอกลาง 14.9 นิ้ว ขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย ส่วนไฮไลท์จะอยู่ที่ BMW Interaction BAR ที่มาในรูปแบบบาร์ แนวนอน ยาวตลอดห้องโดยสาร และนอกจากบาร์ดังกล่าวจะเป็น Ambient Light แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นระบบควบคุมมัลติฟังก์ชั่นล้ำสมัยอีกด้วย
วัสดุที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสารเป็นวัสดุพรีเมี่ยม เบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Merino สามารถปรับเข้ากับสรีระ รองรับเอว และ หลังของผู้ขับได้ดี ในส่วนของเบาะหลังมาพร้อมกับระบบระบายอากาศ และ โปรแกรมนวด
BMW X7 มีระบบ BMW Personal CoPilot ที่ทันสมัย ช่วยในการขับขี่อัตโนมัติ และ นำรถเข้าจอดอัตโนมัติ รวมถึงการถอยรถ
เพื่อตอบสนองความ Exclusive อย่างเหนือชั้น BMW X7 มอบจอ BMW Theater Screen ขนาด 31.3 นิ้ว ที่ห้องโดยสารแถว 2 อีก พร้อมรองรับความสบายด้วยเบาะนั่งแบบ Exclusive Louge เพิ่มพื้นที่วางขา นั่งสบาย ให้คุณได้เปลี่ยนรถเป็นโรงภาพยนต์ส่วนตัว
เนื่องจาก BMW Series 7 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ไซต์ครอบครัวสำหรับการเดินทางไกล ดังนั้นการขับในเมือง หรือ ขับเข้าซอยแคบๆ จึงค่อนข้างลำบาก
บริเวณเบาะนั่งแถว 3 มีพื้นที่น้อย ยืดขาไม่สะดวก ดังนั้นหากผู้นั่งโดยสารเป็นคนตัวใหญ่ หรือ เป็นผู้ใหญ่ อาจจะนั่งไม่ค่อยสบายนัก
จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงพบว่าการเชื่อมต่อกับระบบ CarPlay แบบไร้สาย มักมีปัญหาขณะเดินทาง ทำให้หงุดหงิดได้ง่าย
ศูนย์บริการของ BMW X7 ในกรุงเทพหาได้ยาก และยิ่งในต่างจังหวัดยิ่งหาไม่ได้เลย ดังนั้นผู้ใช้งานควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ
สรุปราคามือสอง
สำหรับราคามือสองของ BMW Series 7 ก็ถือได้ว่ามีราคาที่ลดลงมาจากมือหนึ่งมากพอสมควร โดยราคาแต่ละรุ่นรั้นก็จะเป็นไปตามอายุการใช้งานของรถยนต์ปีนั้น เหมาะสำหรับกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงานหรือผู้บริหายุคใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์สุดหรูที่ครบครันทั้งความสวยงามและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสักคันไว้ขับเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันที่เอื้อมถึงอย่างแน่นอน หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1977
เริ่มต้นกันที่โฉมแรกที่ทางค่าย BMW ได้เริ่มต้นการออกแบบที่คงเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย หรือเสริมเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การนำเอาเบรก ABS เข้ามาซึ่งเป็นครั้งแรกของค่าย BMW รวมไปถึงยังเป็นรุ่นแรกที่มี On-board Computer หรือไฟแสดงสถานะความผิดปกติต่างๆ ของตัวรถ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบถึงปัญหาและสามารถนำรถเข้าศูนย์ได้อย่างสะดวกสบาย
รุ่นปี 1986
ต่อมาในโฉมที่ 2 ซึ่งยังคงตัวถังที่ใหญ่เอาไว้เช่นเคย และได้ใส่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้าไป เช่น ระบบช่วงล่างที่สามารถประบด้วยระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว รวมทั้งยังเป็นรถรุ่นแรกที่ได้นำไฟแบบซีนอนเพื่อใช้เป็นไฟต่ำอีกด้วย
โดยจุดเด่นในโฉมนี้คือช่วงปี 1987 ที่ได้มีการผลิตรุ่นพิเศษ BMW 750iL โดยใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุ 5.0 ลิตร ให้พละกำลัง 300 แรงม้า ที่ถือว่าแรงที่สุดสำหรับยุคนั้นอีกด้วย
รุ่นปี 1994
มาถึงโฉมที่ 3 กับตัวถังที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าแฟนตัวยง BMW ว่านี่คือซีรีส์ที่สวยงามที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องด้วยสัดส่วนที่ดูปราดเปรียวทันสมัย ภายในห้องโดยสารที่อัดแน่นเทคโนโลยีเจ๋งไว้เพียบ เช่น ระบบ Traction Control System ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ตามด้วยระบบฉีดน้ำทำความสะอาดไฟหน้า ระบบ Adaptive Cruise Control ที่มีรุ่นแรก ๆ ของโลก และ Side Airbag ป้องกันศีรษะกระแทกอีกด้วย
และที่สำคัญรถโฉมนี้ยังสร้างชื่อเสียงแบบไม่หยุดหย่อนจากภาพยนตร์เรื่อง James Bond 007 ที่ผู้สร้างได้นำเอา BMW 740iL มาเปลี่ยนเป็นรุ่น 750iL ที่ล้ำสมัยจนเหล่าสาวกต้องตามหากันเป็นเจ้าของ
รุ่นปี 2001
หลังจากที่ผ่านยุครุ่งเรืองมาแล้ว ก็มาถึงยุคที่เรียกได้ว่ากระแสความนิยมลดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการดีไซน์ที่ใหญ่เทอะทะ รวมถึงไฟหน้ารถที่ดูจืดและเศร้าหมอง จึงทำให้ไม่ถูกใจเหล่าสาวกเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปรถโฉมนี้ก็ได้กลับมานิยมกันอีกครั้งและได้มีการปรับโฉมรุ่นย่อย LCI ในปี 2005 ที่เอาไฟหน้าแบบเดิมออกไป และใส่ความสปอร์ตที่ผสมผสานความหรูเข้าไปจนทำให้ยอดขายกลับมาถล่มทลายไม่แพ้โฉมก่อนหน้านี้เลย
รุ่นปี 2008
หมดยุคกับรุ่นตัวถัง E แล้วก็มาถึงยุคของตัวถัง F ที่ถูกดีไซน์การออกแบบอย่างสวยงามทันสมัยและโมเดิร์นที่สุด ด้วยดีไซน์ที่สวยแบบเรียบง่ายทั้งภายนอกและภายใน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมับฝยแบบก้าวกระโดด
โดยจุดเด่นของโฉมนี้อยู่ที่รุ่นย่อย BMW Active Hybrid 7 ที่เป็นครั้งแรกในการมช้เครื่องยนต์ไฮบริด โดยเอาเครื่องยนต์อย่าง 750i มาบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าลูกเล็ก ที่รวมแล้วให้กำลังสูงถึง 461 แรงม้า ได้แรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตรเลยทีเดียว
รุ่นปี 2015
มาถึงเจเนอเรชันสุดท้ายที่ได้ถูกคิดค้นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใส่กับโฉมนี้ทั้งหมด เริ่มต้นด้วยการสร้างตัวถัง CLAR หรือ The Cluster Architecture ที่มีการผสมผสานเอาวัสดุน้ำหนักเบามาเป็นส่วนประกอบ พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความสุนทรีย์ในการขับขี่ที่สะดวกสบาย รวมทั้งยังเป็นรถ BMW รุ่นแรกที่ใช้กุญแจแบบ Display Key ระบบสั่งงานด้วยท่าทาง หรือ Gester control ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว Plug-in Hybrid มาในรุ่น 740Le ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 226 แรงม้า และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ได้ราว 40 กิโลเมตร
เท่านั้นยังไม่พอเพราะได้ออกรุ่นตัวแรงอย่าง M Performance ในรุ่น BMW M760Li ที่ใช้เครื่องยนต์สุดแรง V12 ความจุ 6.6 ลิตร รีดความแรงได้ 610 แรงม้า นับว่าแรงที่สุดในรถตระกูล M เลยก็ว่าได้
BMW Series 7 เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป BMW Series 7
ใครที่กำลังมองหารถยนต์ BMW Series 7 ที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณมากที่สุด ลองให้ Kaidee เป็นหนึ่งในทางเลือกของคุณ จะมือหนึ่งมือสอง รุ่นไหน งบจำกัดเท่าไร ที่นี่ตอบโจทย์คุณได้ทุกความต้องการ คลิกเลย