Mitsubishi Lancer ซีดานขนาดกลางจากค่าย Mitsubishi ที่สร้างชื่อเสียงมายาวนานกว่า 40 ปี โดดเด่นในเรื่องของความสปอร์ต การขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองฉับไว และสมรรถนะที่ดีเยี่ยม เป็นรถซีดานขนาดกลางที่ราคาไม่แพง ออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการขับรถเป็นสำคัญ
เจเนอเรชันแรกของ Mitsubishi Lancer ถือกำเนิดขึ้นในปี 1973 และเริ่มขายในประเทศไทยในปี 1974 โดยเป็นรถที่ Mitsubishi ใช้เป็นรถซีดานขนาดกลาง ที่แทรกกลางระหว่าง Mitsubishi Minica ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก และ Mitsubishi Galant ที่เป็นรถซีดานขนาดใหญ่ จากนั้นเจเนอเรชันที่ 2 ก็ตามมาในปี 1980 และมีฉายาว่า “Lancer กล่องไม้ขีด” และขายดีมากในประเทศไทย ก่อนจะตามมาด้วยเจเนอเรชันที่ 3 ในปี 1982
แต่เจเนอเรชันที่ทำให้ Mitsubishi Lancer กลายมาเป็นชื่อสามัญติดปากของทุกคน น่าจะเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ที่มีชื่อทางการตลาดว่า “Lancer Champ” และเป็นหนึ่งในรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 1985 และลากขายยาวนานจนถึงปี 1995 จนกระทั่งในไทยไม่ได้มีการนำเจเนอเรชันที่ 5 เข้ามาขาย
เจเนอเรชันที่ 6 คือ Mitsubishi Lancer ที่ขายดีที่สุดในโลก กลับมาพร้อมกับการแข่งขันแรลลี่โลก และ Mitsubishi Evolution รถสปอร์ตซีดาน ที่ยังคงเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเจเนอเรชันที่ 7 เปิดตัวในประเทศไทยในปี 1996 และขายจนถึงปี 2000 ก่อนถูกแทนที่ด้วยเจเนอเรชันที่ 8 ที่ใช้ชื่อว่า “Mitsubishi Lancer Cedia” และขายเป็นเวลานานถึง 7 ปี และถูกแทนที่ด้วย Mitsubishi Lancer EX เจเนอเรชันที่ 9 เจเนอเรชันสุดท้าย (ซึ่งถ้าใครสนใจรถในเจเนอเรชันสุดท้าย ให้ไปเลือกดูในหัวข้อ Mitsubishi Lancer EX)
ในปัจจุบัน รถในเจเนอเรชันที่ 1-3 ถือว่าเข้าข่ายรถคลาสสิค และกลายมาเป็นรถที่หลายคนต้องการที่จะหามาสะสม และมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 4 เป็นต้นมา จะสามารถหาซื้อได้ตลาดมือสองอยู่
ในบรรดารถกลุ่ม C-Segment หลายเสียงเห็นตรงกันว่า Mitsubishi Lancer เป็นรถที่เครื่องยนต์ยอดเยี่ยม ทนทานเรื่องการใช้งาน ขับในเมืองก็ง่าย ออกต่างจังหวัดได้สบาย โดยเฉพาะช่วงล่างใช้เครื่องยนต์โซ่แทนสายพานราวลิ้น ทำให้ตัวเครื่องทนทานกว่ารถยนต์คู่แข่งยี่ห้ออื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน
ใครเป็นสายหลงใหลดีไซน์สปอร์ต น่าจะถูกใจ Mitsubishi รุ่นนี้เป็นอย่างดี นอกจากจะมาพร้อมรูปลักษณ์สุดเท่ หล่อสะดุดตาแล้ว ยังนำไปแต่งเติมเสริมความหล่อได้แบบสบาย ๆ ปรับจูนง่ายอัปเกรดเป็นอีโวก็ได้ทำง่าย ถูกใจคนชอบแต่งรถแน่นอน
เมื่อเทียบรถยนต์ในกลุ่มตลาดเดียวกัน จะเห็นได้ว่า Mitsubishi Lancer มีราคาที่ถูกกว่า ยิ่งเมื่อเทียบกับสเปกต่าง ๆ ที่ได้มานั้น เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคา เอาแค่ขนาดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 1.6 ลิตร เจเนอเรชันที่ 4 ปรับแต่งโดย Mitsubishi ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
บางจุดของ Mitsubishi รุ่นนี้ยังไม่เป็นงานละเอียดเท่าที่ควร รอบ ๆ ตัวรถบางจุด ยังเชื่อมต่อกันได้ไม่ดี ไม่เสมอกัน เรียกง่าย ๆ ว่ายังเห็นถึงรอยต่อที่ไม่พอดีกันบ้าง ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเฉพาะบางคัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานคอมเพลนกันมาพอสมควร
ถึงแม้ช่วงหลังทางแบรนด์จะพยายามปรับปรุงเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความที่รถรุ่นนี้มีบอดี้ขนาดใหญ่ ใช้เกียร์แบบ ECU ยิ่งถ้าคนขับใช้อัตราเร่งสูง ๆ ต่อเนื่องกัน รถก็จะยิ่งกินน้ำมันกว่าปกติ เวลาวิ่งนอกเมืองประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 11-12 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับ E85
ช่วงเบาะหลังของ Mitsubishi Lancer นั่งไม่ค่อยสบายสำหรับคนตัวสูงหรือขายาว ถึงแม้ห้องโดยสารโดยรวมจะดูกว้างขวาง แต่ด้วยระยะต่าง ๆ ที่ยกขึ้นมานั้น ทำให้วางช่วงขาได้สั้น นั่งนาน ๆ หรือออกต่างจังหวัดก็คือเมื่อย นั่งไม่ค่อยสบาย
สรุปราคามือสอง
รถในเจเนอเรชันที่ 4 ที่มีขายนั้นนับว่ามีน้อยมา เพราะความเก่าของรถ จริง ๆ แล้วอาจจะเหมาะกับการซื้อไปสะสม และบูรณะมากกว่า ส่วนเจเนอเรชันที่ 6 - 8 ถือว่ามีตัวเลือกที่ค่อนข้างเยอะและหลากหลายมาก เพียงแต่หลายคันมีการนำไปติดแก๊ซ ทำให้จะต้องเชคสภาพดูให้ดี อีกเรื่องคือ เรื่องของเครื่องยนต์ด้วย เพราะ Lancer เป็นรถที่สร้างขึ้นมา เพื่อเน้นการขับขี่ คนที่ซื้อรถรุ่นนี้มักจะเป็นคนที่ชื่นชอบการขับรถที่เร็ว และมีสมรรถนะดี ดังนั้นอาจจะมีการนำไปแต่งหรือปรับจูนเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นต้องเชคสภาพรถให้ดีด้วยก่อนซื้อ หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1985
Mitsubishi Lancer รุ่นนี้เป็นรุ่นที่โด่งดังมากในประเทศไทย เปิดตัวในปี 1985 ภายใต้คอนเซปต์ “An Active and Casual Vehicle” เป็นรถที่คล่องตัว ขับสบาย มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เส้นสายเฉียบคม มีมิติ ทรงเหลี่ยม มีรุ่นย่อยให้เลือกที่หลากหลายมากทั้งเครื่องยนต์ 1300 CC 1500 CC และ 1600 CC และเป็น Lancer รุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ในปี 1986 รถรุ่นนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Lancer Champ และมีการ Minor Change หลายครั้ง พร้อมทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดมากมายที่น่าสนใจและแปลกใหม่ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นการพยายามเรียกลูกค้าผู้หญิง ด้วยการออกรุ่น Champ Lady โดยเอาคุณปุ๋ย พรทิพย์ Miss Universe ปี 1988 มาเป็น Presenter
ต่อมามีการปรับปรุงเครื่องยนต์ในปี 1988 ภายใต้คอนเซปต์ New Generation Power เพื่อให้กำลังที่ดีขึ้น เปลี่ยนระบบส่งกำลัง โดยเฉพาะเรื่องของอัตราทดเกียร์ เพื่อการตอบสนองที่จัดจ้านมากขึ้น จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ จากนั้นในปี 1990 ประเทศไทยก็เริ่มส่งออก Mitsubishi รุ่นนี้ไปยังต่างประเทศ
ในปี 1991 มีการเปิดตัวเวอร์ชั่น 3 ประตู เป็นรถ Hatchback Coupe คันแรก ๆ ของประเทศไทย และมีการปรับโฉมอีกหลายครั้งจนกระทั่งเลิกขายไปในปี 1995 นับว่าเป็นการขายที่ยาวนานมาก ถึงขนาดที่ไทยตัดสินใจไม่ขายรถในเจเนอเรชันที่ 5 และเมื่อเจเนอเรชันที่ 6 เปิดตัว Mitsubishi Lancer Champ รุ่นนี้ก็ยังคงทำตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง
รุ่นปี 1992
เจเนอเรชันที่ 6 คือ Mitsubishi Lancer ที่ขายดีที่สุดในโลก เป็นครั้งแรกที่ Mitsubishi กลับเข้ามาสู่การแข่งขัน World Rally Championship และการออก Mitsubishi Lancer Evolution ซึ่งก็คือ Lancer ที่ได้รับการจูนเครื่องและปรับแต่ง เพื่อขาซิ่งทั้งหลาย และกลายมาเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน โดยโฉมนี้ในประเทศไทยจะเรียกว่า “โฉม E-Car”
คอนเซปต์ของรถยนต์รุ่นนี้คือ Simple & Rich คือรถยนต์ที่ธรรมดา ไม่ซับซ้อนมาก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ และความหรูหรา มีการออกรุ่น Minor Change หลายครั้ง โดยในปี 1994 มีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า และเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นเครื่องหัวฉีด ECI MULTI ที่ให้กำลังแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลายทั้ง 1300 CC, 1500 CC, 1600 CC และ 1800 CC ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
Lancer รุ่นนี้นอกจากจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกแล้ว ยังขายดีที่สุดในประเทศไทยด้วย โดยในปี 1993 Mitsubishi Lancer รุ่นนี้ กลายเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย และตลอดปี 1992-1996 Mitsubishi กวาดยอดขายไปได้ 73,000 คัน
รุ่นปี 1996
เจเนอเรชันที่ 7 ที่เปิดตัวในปี 1996 มาครั้งนี้ Mitsubishi Lancer มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกาศตัวว่าเป็นรถซีดานที่หรูหรา มาพร้อมกับสมรรถนะที่เพียบพร้อม ตอกย้ำภาพลักษณ์ด้วยการมี Presenter เป็นวาเนสซ่า เมย์ ใช้เพลง Red Hot ในการเปิดตัว ซึ่งติดหูคนสมัยนั้นเป็นอย่างมาก
รูปลักษณ์ภายนอกมีเส้นสายที่ดูป้อม โค้งมนตามยุคสมัย แต่ที่โดดเด่นคือไฟท้ายรูปสามเหลี่ยมสองข้างคล้าย ๆ กับ Mercedes Benz C-Class ที่เพิ่งเปิดตัวในสมัยนั้น ดังนั้นฉายาของเจเนอเรชันนี้คือ “โฉมท้ายเบนซ์” มีเครื่องยนต์หลากหลายทั้งแบบ 1500 CC 1600 CC และ 1800 CC และเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เกียร์อัตโนมัติ INVECS-II ในรถยนต์ Mitsubishi
แต่ที่เป็นที่ฮือฮาคือในรุ่นปี 1998 Minor Change มีการนำระบบเกียร์ Sportronics เข้ามาติดตั้ง นั่นหมายความว่าคนขับสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองผ่านโหมดบวก ลบได้ด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มากในสมัยนั้น ส่วนรุ่นสุดท้ายเป็นตัวในปี 2000 ชื่อว่า Lancer F-Style ที่มีรูปร่างภายนอกที่โฉบเฉี่ยว คมคายมากขึ้น ลดความป้อมจากรุ่นแรกตอนที่เปิดตัว
รุ่นปี 2001
มาถึงเจเนอเรชันที่ 8 ที่เปิดตัวในประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2001 ภายใต้ชื่อ Mitsubishi Lancer Cedia ซึ่งมาจากคำว่า Century + Diamond หรือเพชรเม็ดงามแห่งศตวรรษ มีจอน บอง โจวีเป็น Presenter ถูกออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Compact Body with Big Cabin ตัวถังกะทัดรัด แต่ห้องโดยสารกว้าง ดังนั้นตัวรถเลยมีความสูงมากกว่าคู่แข่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะ มาพร้อมกับกระจังหน้าโครเมี่ยมสวยงาม
ขุมพลังของ Lancer Cedia ถือเป็นครั้งแรกที่ Mitsubishi มีการใช้ระบบหัวฉีดแบบ Direct Injection คือฉีดน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และเกียร์ CVT ที่เป็นระบบส่งกำลังแบบอัตราทดแปรฝัน ซึ่งมีหลักการในการสร้างเพื่อให้เกิดการประหยัดน้ำมันมากที่สุด และในเวลาต่อมามีการเปิดตัวรุ่นที่สามารถรองรับน้ำมัน E20 และรุ่นที่ติดแก๊ซ CNG มาจากโรงงานเลย
ในปี 2004 มีการ Minor Change ที่เห็นชัดคือตัวรถที่ดูเพรียวลมขึ้น และกระจังหน้าโครเมี่ยม ถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยม ที่แปะโลโก้ของ Mitsubishi อยู่แทน และ Lancer รุ่นนี้ยังถูกขายควบคู่กับเจเนอเรชันที่ 9 คือ Mitsubishi Lancer EX ที่เปิดตัวในปี 2007 มาอีกระยะหนึ่ง
Mitsubishi Lancer เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Mitsubishi Lancer
Mitsubishi Lancer เป็นรถซีดาน 4 ประตู ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ที่ดี ขับคล่องตัว สนุกสนาน ให้การตอบสนองที่ดี และมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เรียกได้ว่าครบ จบ ในคันเดียว เหมาะมากในการซื้อไปใช้ในเมือง หรือขับออกต่างจังหวัดแบบไม่ไกลมากนัก
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถ ก็ยังสามารถหาอุปกรณ์แต่งได้มากมาย ทั้งกันชน สปอยเลอร์ สเกิร์ตข้าง รวมถึงการปรับจูนเครื่องที่ทำได้ง่าย ดังนั้นผู้ที่กำลังหารถซีดานขนาดกลาง ขับสนุก ราคาไม่แพง (หลายคันราคาไม่ถึงแสน) Mitsubishi Lancer คือรถที่คุณไม่ควรมองข้ามอย่างแน่นอน