Honda City รถในกลุ่ม B-Segment ได้รับความนิยมต่อเนื่องในไทย ด้วยมิติตัวถังขนาดเล็ก แต่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันรอบคัน สะดวกคล่องตัวทุกการเดินทาง หน้าตาโฉบเฉี่ยวให้ความรู้สึกทันสมัย ราคาไม่แพงมาก เข้าถึงไม่ยาก จับต้องได้ทั้งเงินสดหรือเงินผ่อน แถมขึ้นชื่อในเรื่องประหยัดน้ำมัน ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 เจเนอเรชัน แต่เปิดตัวพร้อมจำหน่ายในไทย ตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 3 เป็นต้นมา ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง ฮอนด้าทำขาย รับรองว่าดี !
ขนาดความจุ ความกว้างของตัวถัง Honda City เรียกได้ว่าครองแชมป์อันดับหนึ่งของกลุ่มรถยนต์ Segment เดียวกันเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งทั้งหลาย โดยความยาวตัวรถที่ 4,553 มม. กว้าง 1,748 มม. สูง 1,467 มม. ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะแคบหรืออึดอัด ห้องโดยสารด้านในสะดวกสบายอย่างแน่นอน
เป็นอีกหนึ่งความเจ๋งที่ทางฮอนด้าภูมิใจนำเสนอ เรียกว่าเป็นระบบเกียร์ที่ต่างจากรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งส่วนมากในตลาดยังคงเป็นเกียร์ระบบสายพาน ส่วนระบบ CVT นั้น เจ๋งตรงที่สามารถเปลี่ยนอัตราทดแบบเกียร์ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (Torque Converter) ได้สูงสุด 5,500 รอบในแต่ละเกียร์ ขับง่าย ขับสนุก เร่งเครื่องได้กว่าเกียร์ทั่วไป ตลอดจนลดการกระตุกได้ดีกว่า
ด้วยความเป็นแบรนด์ติดตลาดอยู่แล้ว ตัว Honda City จึงเป็นรถยนต์ตัวท็อปที่เข้า-ออกตลาดรถยนต์มือสองเป็นว่าเล่น ความต้องการของผู้ซื้อยังมีอยู่เรื่อย ๆ ขอให้สภาพรถของคุณยังดูดี เลขไมล์ต่ำ รับรองว่ายังขายได้แบบไม่ขาดทุนนัก
ถึงแม้จะเป็นรถยนต์ที่ให้ขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย ทว่าการดีไซน์โดยรวมของห้องคอนโซลยังไม่ดึงดูดเท่าที่ควร ไม่หวือหวาหรือตื่นตาตื่นใจอะไร ส่วนประกอบและวัสดุที่ใช้เป็นระดับมาตรฐาน เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ทั้งนี้หากใครเน้นเรื่องฟังก์ชันอย่างเดียว จุดนี้ก็เป็นอะไรที่พอมองข้ามได้อยู่
ว่ากันว่าระบบความปลอดภัยของ Honda City เป็นเรื่องปกป้องมากกว่าป้องกัน เน้นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานหากเกิดอุบัติเหตุมากกว่าลดการเกิด ด้วยการให้สิ่งพื้นฐานอย่างพวกถุงลมนิรภัยทั่วไป ส่วนพวกจุดอับสายตา blind spot รวมถึงระบบ Sensing อื่น ๆ นั้นทางฮอนด้าไม่มีให้ ในทางกลับกัน รถยนต์คู่แข่งของแบรนด์ต่าง ๆ จัดเต็มเรื่องพวกนี้อย่างเต็มที่
ข้อนี้อาจจะสร้างความหงุดหงิดใจให้กับสายซิ่ง เพราะอัตราการเร่งสปีดของ Honda City อาจจะไม่เร้าใจนัก ใช้เวลาประมาณ 12 วินาที กว่าที่ความเร็วจะขึ้นไปแตะที่ 100 กม./ชม. ส่วนเครื่องยนต์ 3 สูบมีอาการสั่นบ้างในบางคัน
สรุปราคามือสอง
สำหรับ **Honda City** ครองใจคนไทยมากกว่า 20 ปีเลยทีเดียว ตัวรถค่อนข้างทน เหมาะกับการใช้งานในเมือง ให้ความประหยัดน้ำมัน จึงเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถโดยตลอด ราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่าง คือ เจเนอเรชัน รุ่นย่อย และสภาพ สำหรับรถรุ่นปีใกล้เคียงปัจจุบันราคาหลักหลายแสน แต่ในเจเนอเรชันแรกๆ ราคาอยู่ในหลักหมื่นปลายๆ หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 1996
กว่าที่ทาง Honda จะพาเจ้า City เข้ามาเปิดตัวและทำตลาดในไทย ก็เข้าสู่ปี 1996 ล่วงเลยสู่เจเนอเรชันที่ 3 ช่วงแรก City ถูกกำหนดเป้าหมายทางการตลาดให้เป็น Civic ที่ดาวน์สเปกลงมาเหมือนแฝดน้อง เน้นทำตลาดในภูมิภาค AEC ด้วยตัวถังซีดานเล็ก (Compact) โดยใช้พื้นฐานจาก Civic รุ่นตัวถัง EF มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร รหัส D13B พลัง 95 แรงม้า ต่อมาอัปเกรดด้วยเครื่องยนต์บล็อกใหม่ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส D15B อัดแน่น 105 แรงม้า
ก่อนปรับโฉมให้เร้าใจขึ้นด้วย Type Z ภายนอกโฉบเฉี่ยวสะกดสายตา มาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ที่มีระบบ VTEC ตัวเล็กเพิ่มเข้ามา รถแรงขึ้นเป็น 115 แรงม้า เจเนอเรชันนี้ราคามือสอง เริ่ม 35,000 บาท
รุ่นปี 2002
**City เจเนอเรชันที่ 4 ของโลก แต่เป็นโฉมที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในไทย **รหัสตัวถัง GD8 เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2002 โฉมนี้ได้รับคำวิจารณ์ว่าออกแบบให้ดูแปลก (ประหลาด) บ้างบอกไม่สวย หนักสุดได้รับฉายาจากในวงการว่า “ซิตี้ แมลงสาบ” แต่จุดเด่นที่ลบคำสบประมาทลงได้อย่างราบคาบ คือ ความประหยัดเชื้อเพลิง Honda City โฉมนี้ใช้ขุมกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส L15A มีระบบหัวฉีด i-DSI เป็นจุดเด่น พลัง 88 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ CVT นับเป็นการใช้ระบบเกียร์ CVT เป็นครั้งแรกๆ ของรถที่ขายในไทย
จากนั้นจึงมีการปรับโฉมสู่ City ZX ดูทันสมัยและสปอร์ตขึ้น (อีกนิด) มาพร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส L15A เหมือนเดิม แตกต่างที่เพิ่ม VTEC ตัวเล็กเข้ามา รถแรงขึ้นเป็น 110 แรงม้า โฉมนี้ราคามือสอง เริ่ม 75,000 บาท
รุ่นปี 2008
เจเนอเรชันที่ 5 เปิดตัวในไทยเมื่อ 10 กันยายน 2008 รหัสตัวถัง GM2 นับเป็นโฉมที่ประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก Honda แก้มือจากเจนฯ ที่แล้วได้สำเร็จ และได้การยอมรับจากกูรูยานยนต์ทั้งด้านการออกแบบ และยอดขายที่เป็นไปในทิศทางบวก รูปลักษณ์สวยทันสมัย เครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิง แต่ให้กำลังการส่งและเร่งแซงที่ดี ทำตลาด 5 รุ่นย่อย และต่อมามีรุ่นเชื้อเพลิงทางเลือก CNG ในช่วงปลายยุค
City โฉมปี 2008 มีเครื่องยนต์แค่บล็อกเดียว คือ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส L15A มี VTEC และสลับจากอัตโนมัติ CVT กลับมาใช้แบบ 5 จังหวะแทน พลังจัดว่าให้มาเยอะถึง 120 แรงม้า **สำหรับราคามือสองเริ่มต้น 195,000 บาท **
รุ่นปี 2014
**มาต่อกันที่เจเนอเรชันที่ 6 ** เปิดตัวในไทย 23 มกราคม 2014 รหัสตัวถัง GM6 โฉมนี้ออกแบบได้ค่อนข้างดีมาก ยิ่งดู ยิ่งสวย ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย กลายเป็น City in the City ซื้อขับกันทั่วเมือง มีจำหน่ายด้วย 5 รุ่นย่อย และมีการปรับโฉม Minor Change ในปี 2017
ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตรเหมือนเดิม แต่อัปเกรดเป็นบล็อก L15Z VTEC ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ให้พลังลดลงเหลือ 117 แรงม้า และกลับมาใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT แทนที่ 5 จังหวะอีกครั้ง โดยมีเกียร์ธรรมดาขายในรุ่นเริ่มต้น รองรับเชื้อเพลิง E85 ราคามือสองสตาร์ทที่ 330,000 บาท
รุ่นปี 2019
**เจเนอเรชัน 7 **เปิดตัวในไทยเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2019 ได้การยอมรับว่าเป็น City ที่ดีสุด ก็แน่ล่ะ ! รถรุ่นใหม่จะไม่ดีได้อย่างไร แต่ในความเป็นจริงมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะถ้ารถรุ่นก่อนดีอยู่แล้ว การทำรุ่นใหม่ให้ก้าวข้าม “เงา” ความสำเร็จของรุ่นพี่ นับเป็นเรื่องยาก รุ่นใหม่อาจจะทันสมัยกว่า แต่ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเสมอไป… จริงมั้ย ? แต่เจ้า City โฉมนี้ก็สามารถทำได้
รหัสตัวถัง GN รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ สวยและสปอร์ตขึ้นทุกมิติ จำหน่ายด้วยทางเลือก 2 รูปแบบตัวถัง คือ ซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู มีเครื่องยนต์ไฮบริดเป็นทางเลือกในทุกตัวถัง ทำให้ Honda City เจเนอเรชัน 7 มีไลน์การผลิตที่กว้างถึง 9 รุ่นย่อย
ด้านขุมกำลังเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ตัวใหม่ เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส P10A6 มีระบบ i-VTEC ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พลัง 122 แรงม้า และจูนต่อให้แรงขึ้นได้ ราคามือสองเริ่มต้น 530,000 บาท
Honda City เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Honda City
Honda City จัดเป็นรถซีดานในร่างเล็กที่ได้รับความนิยมมาก ในไทยเริ่มขายตั้งแต่เจเนอเรชัน 3 โฉมปัจจุบันอยู่ในเจเนอเรชัน 7 ชื่อเสียงนับว่าดูดี ติดระดับท็อปตลาด ฟังค์ชันให้มาค่อนข้างให้ครบ โดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีประหยัดเชื้อเพลิง ใช้งานคล่องตัวในเมืองใหญ่ วิ่งทางไกลก็นับว่าสบายไม่เป็นรอง ราคาไม่จัดว่าแพง แต่ก็ไม่ถือว่าถูกซะทีเดียว เพราะถ้าคุณเลือกคุณภาพเป็นสำคัญ ราคาขายก็นับเป็นเรื่องรอง
สำหรับ Honda City เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ซื้อขับได้ ไม่เป็นรอง (อาย) ใคร โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber เป็นที่นิยมมาก หากสนใจอยากจะเลือกซื้อ Honda City มือสอง คุณภาพดี ที่วางใจได้ เราขอแนะนำให้เข้ามาเลือกดูรถจาก Kaidee Auto เรามีให้คุณเลือกครบทุกเจเนอเรชัน ครอบคลุมในทุกรุ่นย่อย