Chevrolet Optra รถซีดานขนาดกลางจากค่าย Chevrolet แบรนด์จากประเทศอเมริกาที่มีบริษัทแม่อย่าง GM เป็นหัวหอกในการบริการงาน เปิดตัวในปี 2003 ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วย Chevrolet Cruze ในปี 2010 ถือเป็นก้าวแรกของ Chevrolet ในการแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ C-Segment ในประเทศไทยที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมาเป็นเวลานาน โดยมีเจ้าตลาดอย่าง Honda Civic และ Toyota Corolla ครองตลาดอยู่
ความโดดเด่นของ Chevrolet Optra ที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนรถสไตล์ยุโรป เพราะรถคันนี้ออกแบบโดยสำนักออกแบบรถยนต์ชื่อดังอย่าง Pininfarina ที่ฝากผลงานไว้กับการออกแบบ Super Car หลายคัน ผนวกกับการขับขี่ที่มั่นใจแบบรถอเมริกัน ทำให้ Chevrolet Optra สามารถสร้างยอดขายได้ดีพอสมควร
นอกจากนี้ยังมีการนำ Optra Estate เข้ามาขาย ถือเป็นรถแนว Station Wagon ขนาดเล็ก คันแรก ๆ ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย และได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ต้องการรถอเนกประสงค์ที่ไม่ใหญ่มาก รูปลักษณ์สวยงาม และให้สมรรถนะและความคล่องตัวในการขับขี่เหมือนกับรถยนต์ ซึ่งพูดได้อย่างเต็มปากว่า Optra Estate คือรถที่เปิดตลาดให้รถ Crossover ในปัจจุบันอย่าง Honda HR-V หรือ Toyota C-HR ในตลาดบ้านเรานั่นเอง
ในประเทศไทยมีมีการจำหน่าย Chevrolet Optra เพียงเจเนอเรชั่นเดียวเท่านั้น โดยมีการ Minor Change อยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2006 ซึ่งมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกเพียงบางส่วน และครั้งที่ 3 คือในปี 2008 ซึ่งถือเป็น Big Minor Change ก่อนที่ Chevrolet Optra จะถูกแทนที่โดย Chevrolet Cruze ในปี 2010
สรุปราคามือสอง
Chevrolet Optra ในตลาดมือสองเป็นรถที่น่าสนใจอีกคันหนึ่ง และมีให้เลือกหลากหลายราคา ข้อควรระวังก็เหมือนรถในกลุ่ม C-Segment อื่น ๆ คือต้องดูความจุเครื่องยนต์ และชนิดน้ำมันให้ดี เพราะ Chevrolet ได้มีการออกรุ่นที่รองรับแก๊ซ CNG ออกมาโดยเฉพาะ โดยติดตั้งมาจากโรงงานเลย นอกจากนี้หลายคนมักจะเอารถรุ่นนี้ไปติดแก๊ซเพิ่ม ซึ่งเครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้ขึ้นชื่อว่าอึดมาก ดังนั้นถ้าการติดตั้งมาจากอู่ที่น่าเชื่อถือ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด ส่วนราคามีตั้งแต่ไม่ถึง 50,000 บาท ไปจนถึง 190,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และรุ่น Estate นั้นจะหายากกว่ารุ่นซีดานธรรมดา หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 2003
Chevrolet Optra เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการชูจุดขายการเป็นรถอเมริกัน ที่ราคาสามารถสู้กับรถแบรนด์ญี่ปุ่นได้ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูเป็น European Chic มีความผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเส้นสายโค้งมนแบบรถยุโรป และความดุดัน แข็งแกร่งแบบรถอเมริกัน
จุดเด่นของ Optra ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องของช่วงล่างแบบ Euro Ride Tuning Suspension เพิ่มความสามารถในการเกาะถนน และให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ถ้าเทียบกับรถแบรนด์ญี่ปุ่นแล้ว จุดนี้ถือเป็นจุดที่ Optra สามารถเอาชนะคู่แข่งได้สบาย ๆ นอกจากนี้จุดขายอีกอย่างที่ Chevrolet ใช้ในการโปรโมทเจ้า Optra คือความเงียบภายในห้องโดยสาร ที่ทำได้ดีกว่าแบรนด์คู่แข่งในเวลานั้น
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาโดยเน้นความเรียบหรู มีการใช้ไม้วอลนัทเข้ามาตบแต่งในบางรุ่น ส่วนตัวถังก็มีความแข็งแรง ทนทาน เพราะทาง Chevrolet ตัดสินใจใช้เหล็กกล้าเป็นส่วนประกอบในการขึ้นตัวถังมากถึง 40% ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีมาให้อย่างครบครันเช่นกัน
สำหรับเครื่องยนต์ของ Chevrolet Optra มีมาให้เลือก 2 แบบคือ 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร โดยเครื่อง 1.6 ลิตรอาจจะเหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ไม่ต้องใช้พละกำลังเครื่องมาก ในขณะที่เครื่องแบบ 1.8 ลิตร จะให้การตอบสนองที่ว่องไว และอัตราการเร่งที่ดีกว่า
และที่สร้างสีสันให้กับตลาดประเทศไทยมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการเปิดตัว Chevrolet Optra Estate รถตรวจการณ์ขนาดย่อม ที่สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีความอเนกประสงค์มากขึ้น ในตอนนั้นถือว่า Optra Estate เป็นเจ้าตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะทำตลาดอยู่คนเดียว และถือเป็นรถที่ยังคงมีการตามหากันในตลาดมือสองมาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 2006 มีการออกรุุ่น Minor Change ออกมา โดยมีการเปลี่ยนกระจังหน้าให้มีความเรียบหรูมากขึ้น โดยยังคงความโดดเด่นในเรื่องของช่วงล่างที่หนึบ ตัวถังทนทาน และห้องโดยสารที่เงียบกริบอยู่
รุ่นปี 2008
ในช่วงกลางปี 2008 ถึงเวลายกโฉมภายนอกครั้งใหม่ของ Chevrolet Optra มีการเขียนคิ้วทาปาก เพื่อให้ตัวรถดูมีความทันสมัย และลงตัวมากขึ้น กับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูปราดเปรียวและโค้งมนกว่าเก่า พร้อมเพิ่มอุปกรณ์ตบแต่งพิเศษ และสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เข้ามามากมาย
ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการที่ Chevrolet ออกรุ่น Optra CNG ทั้งในแบบรถซีดานธรรมดา และ Estate ออกมาให้จากโรงงานเลย เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้พลังงานทางเลือกที่มีราคาถูกกว่า ซึ่ง Chevrolet คือแบรนด์รถยนต์ค่ายแรกในประเทศไทยที่มีการออกรุ่น CNG มาให้จากโรงงานเลย
สำหรับเครื่องยนต์ยังคงใช้เครื่องยนต์บล้อคเดียวกับในรุ่นปี 2003 และมีทั้งเครื่องยนต์แบบ 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตรให้เลือกเหมือนเดิม และมีออกรุ่นพิเศษที่เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งมาอีกหลายรุ่นด้วยกัน
Chevrolet Optra เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Chevrolet Optra
Chevrolet Optra ถือเป็นรถซีดานขนาดกลางที่เหมาะกับคนที่มีงบประมาณไม่มาก แต่อยากได้รถที่แตกต่าง ช่วงล่างหนึบ เกาะถนน และนุ่มนวลเหมือนกับรถยุโรป ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก ทำให้ในปัจจุบัน ยังมีการตามหา Optra โดยเฉพาะใน Version Estate กันค่อนข้างมาก เพราะถือเป็นรถที่ยังหาตัวแทนแบบตรง ๆ ในปัจจุบันก็ยังทำไม่ได้
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รักในความประหยัด Chevrolet Optra ยังมีเครื่องยนต์ CNG แบบออกมาจากโรงงานให้เลือกเลย โดยไม่ต้องดัดแปลงเพิ่มเติมใดใดทั้งสิ้น รับประกันเรื่องความปลอดภัย หรือจะซื้อเป็นเครื่องธรรมดาแล้วไปติดแก๊ซเพิ่ม ก็ได้เหมือนกัน เพราะเครื่องยนต์บล้อคนี้ของ GM ขึ้นชื่อมากในเรื่องของความอึด และทนทาน