ขายรถยนต์ Ford Mustang มือสอง ทั่วประเทศ

เรามาเริ่มต้นกันที่ปี 1962 เดิมทีจากรถในโครงการ T-5 Project หรือที่เรียกกันว่า Ford Mustang I เป็นรถยนต์ 2 ประตูที่มาพร้องเครื่องยนต์ 2 แบบ คือ V4 89 แรงม้าและ 109 แรงม้า เผยโฉมครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1962 ในงาน United States Grand Prix และหลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาจนกลายมาเป็น Production Car ในปี 1964 โดยเป็นการเอาชิ้นส่วนของตัวรถทั้งหมดมาจาก Ford’s Falcon และ Fairlane โดยใช้เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง 2.8 ลิตร 101 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 3 จังหวะ โดยทำยอดขายถล่มทลายมากถึง 318,000 คัน

ต่อมาในปี 1970 Lee Lacocca ผู้ให้กำเนิด Ford Mustang ก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานใหญ่ของ Ford Motor Company และหลังจากนั้นตัวเขาก็ได้สั่งให้ประบปรุงแบบใหม่ให้มีขนาดที่เล็กลงแต่ทรงพลังมากขึ้น

หลังจากนั้นปี 1973 ก็ได้มีการเปิดตัว Ford Mustang II ใช้เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง และ 2.8 ลิตร V6 ปีแรก สามารถทำยอดขายได้มากถึง 385,993 คัน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับรุ่นแรกที่ทำยอดขายได้ถึง 418,812 คัน หลังจากนั้นปี 1975 ได้เพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 4.9 ลิตร V8 เข้ามา เกียร์อัตโนมัติ 3 จังหวะ และปี 1978 ได้เปลี่ยนเป็นเกียร์แบบใหม่ RAD 4-speed

จนมาถึงปี 1979 ได้มีการปรับโครงสร้างให้ใหญ่กว่าเดิมที่เรียกว่า Fox Platform โดยเพิ่มขนาดฐานล้อได้มากขึ้นและเพิ่มที่นั่งแถวที่ 2 ได้ และยังมีพื้นที่ห้องเครื่องที่มากขึ้นกว่าเก่า และมีให้เลือกทั้งแบบ Coupe, Hatchback และ Convertible เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ยังคงใช้แบบเดียวกับโฉมที่ 2 ที่มีทั้ง 2.3 ลิตร 4 สูบ, 2.8 ลิตร V6, และ 5.8 ลิตร V8 แต่เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบมีขายได้ไม่นานแล้วก็หายไป และกลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปี 1983

สำหรับในเจเนอเรชันที่ 4 ถือว่าเป็นโฉมที่ถูกปรับเปลี่ยนไปมากอยู่พอสมควร ภายใต้รหัส SN-95 ดัดแปลงมาจากแพลตฟอร์มใหม่ Fox-4 ที่ถูกออกแบบเพื่อขับหลังโดยเฉพาะ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร V6 145 แรงม้าในปี 1994-1995 ก่อนจะมาจูนใหม่ให้เป็น 150 แรงม้าในปี 1996-1998 จับคู่กับเกียร์ทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ ส่วนเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร V8 ก็ถูกยุติการผลิตไปในช่วงนี้อีกครั้ง แทนที่ด้วยเครื่องยนต์ 4.6 ลิตร SOHC V8 215 แรงม้า

ต่อมาในปี 1999 ก็มีการปรับโฉมดีไซน์กันอีกครั้งเพื่อให้มีรูปทรงที่คมและชัดเจนมากขึ้น ตัวถังมีมุมเหลี่ยมและมีมิติมากกว่าเดิม ส่งผลให้ภาพรวมดูดุดันทรงพลัง และปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่กับเครื่องยนต์มาตรฐาน 3.8 ลิตร V6 ให้กำลังเพิ่มเป็น 190 แรงม้า, 4.6 ลิตร V8 ขยับเป็น 260 แรงม้า, และเมื่อถึงปี 2001 เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V6 ก็ขยับเป็นความแรง 193 แรงม้า จนมาถึงปี 2004 ได้เปลี่ยนเครื่องมาตรฐานใหม่ให้เป็น 3.9 ลิตรแทน

โฉมนี้ได้ใช้แพลตฟอร์มใหม่ชื่อ D2C ภายใต้รหัส S-197 เปิดตั้วครั้งแรกในปี 2004 ที่งาน North American International Auto Show โดยดีไซน์ย้อนยุคกลับไปอิงในช่วงยุค 60s แต่ปรับให้ดูทันสมัยขึ้น โดยรุ่นพื้นฐานใช้เครื่องยนต์ 4.0 ลิตร SOHC V6 210 แรงม้า ส่วนตัว GT ขยับขึ้นไปใช้ขนาด 4.6 L SOHC V8 300 แรงม้า เกียร์ธรรมดา Tremec T5 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 5R55S 5 จังหวะ ซึ่งมีการไปใช้ในรุ่น GT ด้วย

และในปี 2010 ก็ได้มีการปรับโฉมดีไซน์ใหม่อีกครั้ง ทั้งการเปลี่ยนไฟท้ายใหม่เป็นแบบ LED ปรับจูนเครื่องยนต์ในรุ่น GT ใหม่ให้กลายเป็น 315 แรงม้า ปรับค่าสปริงใหม่ให้ดีกว่าดิม เพิ่มระบบ Traction และ stability control หรือระบบควบคุมการทรงตัวลงในทุกรุ่นที่วางจำหน่ายรวมถึงล้อขนาดใหม่อีกด้วย หลังจากนั้นปี 2011 ได้มีการเปลี่ยนยกชุดเกียร์แบบใหม่คือ เกียร์ธรรมดา Getrag-Ford MT82 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6R80 6 จังหวะ ใช้พื้นฐานมาจาก ZF 6HP26 ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Ford เท่านั้น

สำหรับ Ford Mustang ในโฉมปัจจุบันได้เปิดตัวขึ้นครั้งแรกในวันที่ 5 ธันวาคม 2013 มีการประบขนาดตัวถังให้กว้างกว่าเดิม กระจังหน้าแบบสี่เหลี่ยมคางหมู มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบคือ 2.3 ลิตร EcoBoost 4 สูบ 310 แรงม้า, 3.7 ลิตร V6 300 แรงม้า และ 5.0 ลิตร V8 435 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Paddle Shift ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบอิสระ Independent rear suspension (IRS) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Ford Mustang เจเนอเรชันนี้โดนเฉพาะ