Subaru แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น มีรถที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวัญใจขาซิ่งอย่าง Subaru Impreza รถ SUV Crossover ที่ขายดิบขายดีในประเทศไทยอย่าง Subaru XV หรือรถสปอร์ตคูเป้สองประตูอย่าง Subaru BRZ โดยคำว่า Subaru เป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ดาวลูกไก่
ในปัจจุบัน Subaru มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องยนต์สูบนอน หรือเครื่องยนต์ Boxer ที่กระบอกสูบจะวางแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้งหรือเฉียงเหมือนรถทั่วไป ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และเกาะถนน นอกจากนี้ Subaru ยังเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์แรก ที่มีการนำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตรเข้ามาใช้ในรถยนต์นั่งโดยสารธรรมดาด้วย
สำหรับประเทศไทยในอดีต Subaru จำหน่ายภายใต้ บริษัท สยามซูบารุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสยามนิสสัน แต่ในปัจจุบันถูกจัดจำหน่ายโดยบริษัท Motor Image ซึ่งเจ้าของคือบริษัทฮ่องกงอย่าง Tan Jong International ที่ร่วมมือกับบริษัทแม่ เพื่อจัดจำหน่ายรถยนต์ Subaru ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในปี 2000 ในปัจจุบันมีการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ Subaru ในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สรุปราคารถยนต์มือสอง Subaru
สำหรับ Subaru ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ไม่ได้มีหลายรุ่นมากนัก แต่ทุกรุ่นก็ล้วนแต่เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็น Subaru Impreza ที่เข้ามาแข่งขันในตลาดรถ C Segment Subaru Legacy ในตลาดรถ D segment และรถ SUV อย่าง Subaru XV และ Forester โดยเฉพาะ Subaru Impreza นั้น ถือเป็นรถที่มีชมรมที่ให้คำปรึกษาถึงการใช้งานและการปรับแต่งอยู่มากมาย
Subaru BRZ เป็นรถสปอร์ตสองประตูแบบ 2+2 ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ Toyota เข้ามาซื้อหุ้นของ Subaru และอยากจะได้รถซักคัน ที่ทั้งสองผลิตออกมาร่วมกัน โดยจะเป็นรถสปอร์ตที่ขับสนุก ราคาไม่แพง ให้ความรู้สึกเหมือนรถสมัยยุค 90s คือเป็นรถสปอร์ตแบบเบสิค ที่เจ้าของสามารถนำไปโมดิฟายเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ทุกขั้นตอนในการผลิตเกิดจากความร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท ทำให้ BRZ เป็นรถที่ได้ข้อดีของทั้งสองบริษัทมาผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว
ขุมพลังของ BRZ เป็นเครื่องยนต์ Boxer 2.0 ลิตร 205 แรงม้า มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมกับโหมดการขับขี่หลายแบบ ช่วงล่างได้รับการเซทออกมาได้เป็นอย่างดี สามารถเกาะถนนและเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้สบาย ๆ ในขณะที่ยังให้ความนุ่มนวลในการขับขี่อยู่ เป็นรถที่เหมาะมากกับคนที่อยากได้รถสปอร์ตราคาไม่แพงที่สามารถขับสนุก ๆ ในวันหยุด หรือขับในชีวิตประจำวันได้
รถรุ่นนี้เปิดตัวในปี 2012 และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีการ Minor Change อยู่หลายครั้ง และในปัจจุบันมีการออกเจเนอเรชันที่ 2 ออกมาแล้วในปี 2020
Impreza คือหนึ่งใน Subaru ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นรถที่ทำให้ Subaru กลับมาโลดแล่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลอีกครั้ง หลังจากที่รถในรุ่นก่อนหน้า มีขายในตลาดที่ค่อนข้างจำกัด
รถรุ่นนี้เปิดตัวในปี 1992 และขายมาอย่างยาวนานถึง 5 เจเนอเรชัน ตอนเปิดตัวมีการนำรถรุ่นนี้ไปโมดิฟาย เป็นรุ่น WRX เพื่อเข้าแข่งขันในรายการ World Rally Championship ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และทำให้ Subaru Impreza เป็นหนึ่งในรถไอคอนของศตวรรษที่ 20 ไปโดยปริยาย
Subaru Impreza เจเนอเรชันที่ 1 เปิดตัวในปี 1992 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมาเป็นรถครอบครัวขนาดกลาง การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหงส์ที่กำลังโผบิน มีจุดเด่นคือเป็นรถบ้านที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้ Impreza เป็นรถซีดานขนาดกลางที่สามารถนำไปขับในทางที่ทุรกันดารได้ดี เหมาะกับคนที่รักการผจญภัย ตัวรถมีทั้งแบบซีดาน คูเป้ และแวกอน
แน่นอนว่าเครื่องยนต์จะต้องเป็นเครื่องสูบนอน ที่ให้การเกาะถนนที่เป็นเลิศ สำหรับในประเทศไทยมีการนำเข้ารุ่น 1.6 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า และ 1.8 ลิตรขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยในรุ่น 1.8 ลิตรนั้นจะมีทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแวกอน 5 ประตู รวมไปถึงรุ่น WRX โดยในตอนนั้นมีคุณไตรภพ ลิมปพัทธ์เป็น Presenter และขายได้พอประมาณ และมีการ Minor Change หลายครั้งด้วยกัน ในตลาดมือสองมีราคาอยู่ที่ประมาณ 300,000 - 500,000 บาท
Subaru Impreza เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวต้อนรับสหัสวรรษปี 2000 ด้วยเจเนอเรชันที่ 2 พร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่โค้งมน มีความ Feminine มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดดเด่นด้วยไฟหน้ากลมสองด้าน เป็นรถที่มีความแตกต่างมากจากรถคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาด เพราะตัวรถยังมีความ Boxy อยู่มาก ซึ่งทาง Subaru จงใจให้เป็นเช่นนั้น เพื่อให้ตัวรถมีความแตกต่างนั่นเอง
และเช่นเคย เจเนอเรชันนี้มีให้เลือกทั้งซีดาน 4 ประตู และแวกอน 5 ประตู ในประเทศไทยมีการนำเข้ารุ่น 2.0 ลิตร ซึ่งมาถึงตอนนี้ ทาง Subaru ประเทศไทย ไม่ได้มองที่ตลาดรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัวปกติแล้ว แต่ให้ Subaru Impreza เป็นรถที่ไปจับกลุ่มขาซิ่งทั้งหลาย ที่ต้องการได้รถที่มีชื่อเสียงคันนี้มาไว้ในครอบครอง ดังนั้นรุ่นที่ทาง Subaru เน้นในการนำเข้าคือรุ่น WRX โดยรถรุ่นนี้มีฉายาว่า “ตากลม” จากนั้นมีการ Minor Change ในปี 2002 เป็นรุ่นตาเหยี่ยว และจบที่รุ่นหน้าหมูในปี 2005
Subaru Impreza เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 2007 ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ของ Subaru Impreza เพราะทาง Subaru ยกเลิกตัวถังแบบแวกอน แล้วมาเน้นการผลิต Impreza Hatchback แทน เนื่องจากถึงแม้ว่าสองเจเนอเรชันแรก จะเป็นรถที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Subaru แต่ยอดขาย กลับไม่เป็นไปตามที่คาด เพราะยังไม่สามารถเจาะตลาดลูกค้าแบบ Mass ได้ ดังนั้นเพื่อจับกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะในยุโรป Subaru Impreza ในเจเนอเรชันนี้จึงออกมา 2 แบบคือ Hatchback และ ซีดาน
ในไทยมีการนำเข้ารุ่น 2.5 ลิตรเข้ามาวางจำหน่าย และมีการ Minor Change ครั้งหนึ่งในปี 2010 ในตลาดมือสองมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 530,000 บาท
Subaru Impreza เจเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวในปี 2011 โดยมีแนวคิดในการออกแบบที่ต้องการให้ Subaru Impreza กลับมาเป็นรถที่โฉบเฉี่ยว ดุดันอีกครั้งหลังจากที่ทำให้แฟน ๆ หลายคนผิดหวังไปในเจเนอเรชันที่ 3 โดยมีคอนเซปต์การออกแบบในครั้งนี้คือ Pure Power Under Your Control และเปิดตัวรุ่น WRX ในประเทศไทยในปี 2014
ขุมพลังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 268 แรงม้า เป็นเครื่องสูบนอน จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตามสไตล์ของ Subaru Impreza ช่วงล่างเกาะถนน และตัวถังรถที่มีความแข็งแกร่ง น้ำหนักเบา ถือเป็นการกลับมาชิงชัยในตลาดรถซีดาน Performace ได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง
Subaru Impreza เจเนอเรชันที่ 5 มาถึงโฉมปัจจุบันที่เปิดตัวในปี 2016 มาพร้อมกับรางวัล Japan Car of the Year 2017 เป็น Subaru Impreza รุ่นแรกที่เปิดตัวบน Subaru Global Platform ทำให้ตัวรถมีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงกว่า 70% มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าเดิม เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้น พร้อมติดตั้งระบบ Active Torque Vectoring ช่วยรีดพละกำลังของรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในรุ่นนี้เครื่องยนต์ยังคงเป็นขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบเหมือนเดิม ส่วนในไทยมีจำหน่ายในรุ่น WRX และ WRX STi
Subaru Legacy นับเป็นเรือธงของ Subaru ในการชิงส่วนแบ่งตลาดมาจากรถยนต์นั่งอย่าง Toyota Camry และ Honda Accord เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 และมีทั้งรูปแบบของซีดาน 4 ประตู และสเตชั่นแวกอน รถรุ่นนี้ถือเป็นเรือธงของ Subaru ที่มีการนำไปพัฒนาต่อไปเป็นรถรุ่นต่อ ๆ ไปมากมาย และเป็นรถอีกรุ่นที่สร้างชื่อให้กับ Subaru พอสมควร
สำหรับ Subaru Legacy มีสายการผลิตยาวนาน ทำตลาดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวม 7 เจเนอเรชัน ราคามือสองก็ขึ้นอยู่กับสภาพ เจเนอเรชัน รุ่นปี ถูกสุดเริ่มต้น 249,000 บาท
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 1 เปิดตัวในปี 1989 โดยต้องการให้เป็นรถซีดานที่มีความหรูหรา รูปร่างเพรียวลม ดูโดดเด่นและแตกต่างจากรถคู่แข่ง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Boxer 2.0 ลิตร 220 แรงม้า สำหรับรุ่นที่ขายในประเทศไทย มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครัน และทันสมัยมากสำหรับรถในสมัยนั้นเช่น ดิสก์เบรค 4 ล้อ ระบบ Air Suspension ที่ใช้ควบคุมความสูงของรถ ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ และที่แตกต่างไปจากคู่แข่งคือ เป็นรถบ้านที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 1994 และเป็นรุ่นที่ขายดีในประเทศไทย การออกแบบมีความโค้งมนมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ All Weather High Speed Cruiser เป็นรถที่สามารถขับขี่ไปในทุกสภาพอากาศ ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมในฐานะรถสปอร์ตซีดาน
ในประเทศไทยมีการนำเข้าทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และสเตชั่นแวกอนเข้ามาวางจำหน่าย ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ มีราคาเริ่มต้นในตลาดมือสองที่ 250,000 บาท
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 3 ปี 1998 ก็ถึงเวลาเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งทาง Subaru ยกเลิกการผลิตระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำให้ Subaru Legacy กลายมาเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเต็มตัว มาพร้อมกับ Daytime Running Lamp และเกียร์อัตโนมัติเริ่มมีการติดตั้งโหมดบวกลบตามสมัย เพื่อความสนุกของผู้ขับขี่
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวในปี 2003 เป็นรถที่ได้รับรางวัล Japan Car of the Year และเครื่องยนต์ยังได้รางวัล International Engine of the Year อีกด้วย แต่ Legacy ในเจเนอเรชันนี้ไม่ค่อยพบเห็นในประเทศไทยเท่าไรนัก
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 5 เปิดตัวในปี 2009 โดยมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการที่ Subaru หันไปใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่มีประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน แต่เป็นเกียร์ CVT แบบ Lineartronics เอกสิทธิ์ของ Subaru ที่แทนที่จะใช้ระบบสายพานในการทำงาน กลับใช้เป็นเข็มขัดโลหะ ที่มีความทนทานสูงกว่า
สำหรับในประเทศไทย รุ่นที่นำเข้ามาเป็นเครื่องยนต์ Boxer 2.5 ลิตร 265 แรงม้า พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 แบบ ให้ผู้ขับขี่สามารถดึงศักยภาพของรถออกมาได้มากที่สุด พร้อมแป้น Paddle Shift ที่บริเวณพวงมาลัย
Subaru Legacy เจเนอเรชันที่ 6 และ 7 ในไทยนั้นมียอดขายที่น้อยมาก พบเจอที่ไหน คันนั้น คือ “แรร์ไอเท็ม” เพราะทาง Subaru ประเทศไทยไม่ได้เน้นการทำตลาด โดยในรุ่นเจเนอเรชันที่ 6 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเหมือนเดิม และเทคโนโลยี EYESIGHT ซึ่งเป็นระบบป้องกันการชนด้านหน้าของ Subaru โดยอาศัยกล้องที่ซ่อนอยู่ในกระจกหน้าที่จะทำงานประสานกับคอมพิวเจอร์ภายในรถในการสร้างภาพ 3 มิติ ขึ้นมา และเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่อาจจะเกิดการชนด้านหน้าขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Adaptive Cruise Control ด้วย
Subaru XV ผลิตมาทำตลาดเสียบทดแทน Impreza Outback และ Legacy Outback ซึ่งเป็นการนำรถซีดานมายกสูงขึ้น โดยในครั้งนี้ทาง Subaru ตัดสินใจที่จะผลิตรถรุ่นใหม่ขึ้นมาเลย 1 รุ่น โดยเป็นรถ SUV ขนาดเล็ก มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนเมือง ผู้รักการผจญภัย ดังนั้นตัวรถจะต้องสามารถขับขี่ในเมืองได้ ในขณะที่สามารถขับไปออฟโรดเบา ๆ ได้ในวันหยุด ในปัจจุบันมีวางจำหน่ายอยู่ 2 เจเนอเรชันด้วยกัน
Subaru XV เจเนอเรชันที่ 1 ถูกออกแบบมาในคอนเซปต์ Sport & Casual มีการใช้เส้นสายที่เฉียบคม ทำให้รถดูดุดัน บึกบึน ส่วนภายในกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยมาก พร้อมหน้าปัดภายในที่ยกมาจาก Subaru Impreza ทั้งหมด โดยเปิดตัวสู่สาธารณะชนในปี 2011 และเปิดตัวในประเทศไทยในปี 2012 พร้อมยอดจองสูงถึง 600 คัน ซึ่งถือว่าเป็น Subaru ที่มียอดจองสูงที่สุด เท่าที่เคยมีมา
เครื่องยนต์เป็นเครื่อง Boxer หรือเครื่องสูบนอน พร้อมเกียร์ Linear CVT 2000 CC 150 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 2 รุ่นย่อยคือ 2.0i และ 2.0 Sport และรุ่น STI Performance ออกมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในความแรง
Subaru XV เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในไทยในช่วงปลายปี 2016 มีการออกแบบที่ใช้เส้นสายเพื่อให้ตัวรถมีความลื่นไหลมากขึ้น แต่ก็ยังคงความดุดันบึกบึนจากรุ่นเดิมอยู่ ที่สำคัญมากที่สุดของรถรุ่นนี้คือมีการใช้ Subaru Global Platform ขึ้น ที่ทำให้ตัวถังสามารถทนแรงบิดและแรงกระแทกได้สูงขึ้นถึง 70% ส่วนภายในได้รับการออกแบบให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ด้วยการใช้วัสดุบุนุ่ม มีการใช้เบรคมือไฟฟ้า และหน้าจอ 8 นิ้วแบบ Built-In ส่วนเครื่องยนต์นั้นยังเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิมอยู่ แต่แรงม้าเพิ่มขึ้นมาเป็น 156 แรงม้า สำหรับ Subaru XV มือสอง ราคาเริ่มต้น 365,000 บาท*
Subaru Forester เป็นรถ SUV ที่มีจุดกำเนิดมาจากแนวคิดในการสร้างรถ Recreation Vehicle หรือรถที่สามารถขับไปผจญภัยในวันหยุดได้ แต่ต้องการให้รถมีโครงสร้างตัวถังที่มาจากรถยนต์ ไม่ใช่รถกระบะ ที่อาจจะไม่มีความนุ่มนวลในการขับขี่ และมีค่าซ่อมบำรุงที่แพง ซึ่ง Subaru Forester ในตอนแรกนั้น ใช้โครงสร้างของ Subaru Impreza เป็นหลัก
Subaru Forester เปิดตัวปี 1997 และปัจจุบันเป็นเจเนอเรชัน 4 โดยเจเนอเรชันทแรกไม่ได้มีขายในไทย และเป็นรถที่มียอดขายพอพอกับ Subaru Impreza ในตลาดโลก เรียกไดว่าเป็นรถอีกรุ่นที่สร้างรายได้ให้กับ Subaru มหาศาล โดยรถอเนกประสงค์ Subaru Forester ราคามือสอง เริ่มต้น 406,000 บาท
Subaru Forester เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 2002 และขายดีมากในอเมริกา ในประเทศไทยเองมีการนำรถรุ่นนี้เข้ามาขายในปี 2005 ในจำนวนไม่มากนัก ด้วยเครื่องยนต์แบบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ มาพร้อมกับการพัฒนาตัวถังและส่วนประกอบต่าง ๆ ให้มีน้ำหนักเบากว่าเจเนอเรชันแรก มีราคามือสองเริ่มต้นอยู่ที่ 406,000 บาท
Subaru Forester เจเนอเรชันที่ 3 มีเส้นสายที่มีความทันสมัยมากขึ้น แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูมีความเป็น Crossover SUV มากขึ้น ไม่ใช่รูปร่างเป็นรถ Station Wagon เหมือนสองเจเนอเรชันที่ผ่านมา และเปิดตัวในปี 2007
ช่วงล่างแบบ Double Wishbone ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น มาพร้อมกับหน้าจอที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ และเกียร์อัตโนมัติแบบ Sport Mode
Subaru Forester เจเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวในปี 2012 และได้รับรางวัล SUV of the Year 2014 จากนิตยสาร Motor Trend ของอเมริกา ในประเทศไทยเปิดตัวไปในปี 2013 จากนั้นมีการนำรถรุ่นนี้เข้ามาขายจากมาเลเซีย ทำให้ราคาถูกลงเป็นอย่างมาก และในที่สุด Subaru ก็ตัดสินใจที่จะประกอบรถยนต์รุ่นนี้ขึ้นในโรงงานประเทศไทย
การออกแบบของรถรุ่นนี้นั้นอยู่ภายใต้คอนเซปต์ Dynamic & Solid มีความภูมิฐาน ดูหนักแน่น และถ้าสังเกตดีดีจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับรถในเจเนอเรชันที่ 1 และ 2 อยู่มาก ส่วนเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่อง Boxer 4 สูบ 156 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและเกียร์ CVT แบบ Lineartronics และมีโครงสร้างตัวถังของ Subaru Global Platform ซึ่งยอดขายนั้นก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
บทสรุป Subaru
Subaru คือแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสมรรถนะ และความทนทาน เป็นแบรนด์อินดี้ที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น ในสมัยก่อนหลายคนอาจจะไม่มองรถยี่ห้อนี่เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงจากอัตราภาษีนำเข้าที่แพงลิบลิ่ว แต่ในปัจจุบันรถหลายรุ่นอย่าง Subaru XV และ Subaru Forester มีการประกอบในไทย และ ASEAN แล้ว ทำให้ราคาของ Subaru ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ทาง Motor Image ผู้จำหน่าย Subaru ในประเทศไทย ยังขยายสาขาและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงหมดไป และถ้าดูจากยอดขายในปัจจุบันที่โตวันโตคืน เห็นได้ชัดว่าแบรนด์รถยนต์ Subaru มีอนาคตที่สดใสรออยู่อย่างแน่นอน