หากเอ่ยถึงรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ซึ่งครองใจคนไทยมากว่าหลายสิบปีนั้น มั่นใจได้ว่าต้องมีชื่อของ Isuzu MU-7 เข้ามาอยู่ในโผด้วยอย่างแน่นอน โดยทั้งหมดนั้นเกิดจากการความตั้งใจของทางอีซูซุในปี 2004 ที่ต้องการสร้างพลิกวงการรถปิกอัพโฉมใหม่ ด้วยการเอาจุดเด่นเรื่องขุมพลังเครื่องยนต์ของ Isuzu Rodeo ผสานเข้ากับความเก๋าของรูปลักษณ์ของ Isuzu D-Max จน Isuzu MU-7 กลายเป็นรถยนต์แบบ PPV (Pickup Passenger Vehicle) รุ่นแรกของไทย
ความที่ Isuzu MU-7 ครบครันด้วยความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล 146 แรงม้า ห้องโดยสารที่กว้างขวาง แถมยังมาพร้อมดีไซน์หล่อเหลาเร้าใจตามสไตล์ Isuzu D-Max ทันทีที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 จึงได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ครองแชมป์รถยนต์อเนกประสงค์ขวัญใจคนไทยไปเลยทันที
กระทั่งปี 2006 อีซูซุได้ออก Isuzu MU-7 รุ่นใหม่ พร้อมด้วยครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน VGS Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ใหญ่ขึ้น 163 แรงม้า โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและออโตเมติก ใช้งานสะดวกขับขี่คล่องขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ใน 2007 จะออกรุ่นพิเศษ “Isuzu MU-7 Gold Series” เพื่อเฉลิมฉลองยอดขาย 2,000,000 คัน
ความลุยของ Isuzu MU-7 เป็นที่เลื่องลือในหมู่วงการคนรักรถ PPV (Pickup Passenger Vehicle) แต่ไหนแต่ไร ด้วยความที่รุ่นนี้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ดัดแปลงมาจากรถปิกอัพอีกที จึงได้ทั้งความแกร่งดุดันของกระบะและความนุ่มนวลสไตล์ SUV ผสานเข้ากันอย่างลงตัว
ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้คำชมจากผู้ใช้งานว่าไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกเท่าไรนัก ทั้งยังดูแลง่ายเหมือนรถกระบะ พร้อมลุยได้ทุกเส้นทาง จะขึ้นเขา ออกต่างจังหวัด จุของเยอะ ก็ไม่มีปัญหา ตอบโจทย์คุณครบทุกความต้องการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Isuzu MU-7 เป็นหนึ่งในรถที่ซื้อง่ายขายไว มีจำนวนรถเข้า-ออกมากในตลาดรถมือสองอย่างไม่ขาดสาย มีทั้งคนขายและผู้ซื้อสลับกันไป แต่ถ้าอยากขายได้เร็วต้องยอมกดราคาลงมาสักนิด เพราะว่าคู่แข่งในตลาดมีสูงนั่นเอง
ทาง Isuzu อาจจะมองถึงเรื่องความคุ้มค่าด้านการใช้งานที่หลากหลาย และความทนทานของตัวเครื่องเป็นสำคัญ เลยอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์มากนัก หน้าตาของ Isuzu MU-7 เลยอาจจะดูธรรมดา ๆ ไม่ได้มีอะไรหวือหวาให้สะดุดตามากนัก
แม้ห้องโดยสารจะดูกว้างขวางจุได้มากถึง 7 ที่นั่ง ทว่าพอใช้งานจริงแล้ว เบาะนั่งแถวที่สามกลับนั่งไม่สบาย บางคันแอร์ของรถก็กระจายไปไม่ถึงแถวที่สาม ใช้งานได้ไม่เต็มฟังก์ชั่นของรถ
เครื่องแรงแซงทุกโค้งตามสไตล์รถปิกอัพ อัตราต่าง ๆ ที่เร่งได้ไวได้ดั่งใจคุณนั้น มาจากการใช้พลังงานที่มากขึ้น เฉลี่ยแล้วรถรุ่นนี้กินน้ำมันประมาณ 10-12 กิโลเมตร / ลิตร ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร พฤติกรรมการขับขี่ของคุณเองด้วย
สรุปราคามือสอง
แม้ปัจจุบันทางอีซูซุไม่ได้ผลิต Isuzu MU-7 แล้วก็ตาม (พัฒนาไปเป็นรุ่น Isuzu MU-X) แต่ในตลาดรถยนต์มือสอง ยังเห็นได้ว่ามีการซื้อมาขายไปของรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นนี้อยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นรถคุณสมบัติครอบจักรวาล ได้ชื่อว่าประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์แรงออกตัวได้ดีและไว เหมาะกับทุกสภาพถนน ที่สำคัญราคามือสองค่อนข้างดี เหมาะกับคนที่กำลังหารถยนต์ SUV ดีๆ ไม่แพงจนเกินไป หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 2004
ปลายปี 2004 Isuzu MU-7 ปรากฏโฉมความเร้าใจสู่ท้องตลาดเป็นครั้งแรก อัดแน่นไปด้วยจุดแข็งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่กว้างขวาง มาพร้อมเบาะที่นั่ง 3 แถว นั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 3.0 ลิตร Turbo Intercooler ให้กำลัง 146 แรงม้า มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Isuzu MU 7 3.0D 5AT (177 HP)และรุ่น Isuzu MU 7 3.0D 5MT AWD (177 HP)
ด้วยกระแสตอบรับที่ดีแบบถล่มทลาย ปี 2005 ทาง Isuzu จึง Minor Change ตัว Isuzu MU-7 เล็กน้อย โดยเน้นเรื่องปรับเปลี่ยนดีไซน์เป็นหลัก อย่างการเปลี่ยนกระจังหน้าให้มีลวดลายที่มีมิติมากขึ้น ตัวห้องโดยสารเปลี่ยนมาใช้ลายไม้วอลนัท ทั้งยังเพิ่มออปชันเครื่องเล่น DVD โดยคงขนาดเครื่องยนต์หลักทั้งหมดไว้เหมือนเดิม
รุ่นปี 2006
หลังจากส่ง Isuzu MU-7 ปี 2004 ทำตลาดไปได้สักระยะ ก็เริ่มถูกค่ายต่าง ๆ แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาขึ้น จนทาง Isuzu ต้องแก้เกมด้วยการ Minor Change ครั้งยิ่งใหญ่ในปี ปี 2006 ด้วยการเพิ่มบล็อกดีเซล 3,000 ซีซี Ddi VGS Turbo แบบแปรผันได้เป็นครั้งแรก ทั้งยังเพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์ใหญ่ขึ้นเป็น 163 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 333 นิวตัน-เมตร มาพร้อมรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ รุ่นเกียร์ออโตเมติก 4 สปีด มีให้เลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ
ส่วนเรื่องดีไซน์เรียกว่าพลิกโฉมรอบคัน ตั้งแต่ไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดแบบใหม่ กระจังหน้า กันชนทรงใหม่พร้อมสเกิร์ตด้านหลังสุดเร้าใจ ขณะที่ห้องโดยสารเปลี่ยนเบาะเป็นสีเบจ ปรับมาใช้พวงมาลัย 4 ก้านทรงใหม่ หน้าปัดเรืองแสง เปลี่ยนหน้ากากแอร์เป็นทรงกลม ทั้งยังเพิ่มช่องดักลมเพราะย้ายอินเตอร์คูลเลอร์มาอยู่ด้านบน รวมถึงรองรับ mp3
รุ่นปี 2007
ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปี 2013 ทาง Isuzu เรียกได้ว่า Minor Change ตัว Isuzu MU-7 แทบทุกปี โดยหลัก ๆ เป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนดีไซน์ ด้วยการคงไว้ซึ่งขุมพลังเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยมไว้เหมือนเดิม อย่างปี 2007 ออกรุ่น Gold Series ขึ้นมาเพื่อฉลอง 50 ปีทองอีซูซุ โดดเด่นด้วย “โลโก้อีซูซุสีทอง” ตรงบริเวณกระจังหน้า-หลังรถและพวงมาลัย
ปี 2008 รุ่น Isuzu MU-7 : Platinum มาพร้อมกับสเกิร์ตและล้อลวดลายใหม่ ยกระดับดีไซน์สปอร์ตที่มากขึ้น พร้อมด้วยชุดแต่งโครเมียมใต้ไฟตัดหมอก พร้อมฝาครอบเครื่องสีเงิน (ของเก่าสีทอง) และชุดโครเมียมตกแต่งภายในรถ ขณะที่ปี 2009 ดีไซน์หรูขึ้นกว่าเดิม ในรุ่น Super Platinum ล้อแบบเดิมแต่ปัดเงาขึ้นเป็นครั้งแรก รองรับหน้าจอ Navigator
ส่วน 4 รุ่นหลังในปี 2010 เรื่อยไปจนถึงปี 2013 (รุ่นสุดท้าย) ทาง Isuzu MU-7 ยังคงออกรุ่นพิเศษออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็น กันชนหน้าทรงใหม่ ทำไฟหน้า-ท้ายรมดำ ล้อแม็กซ์สุดเท่สีดำ รวมถึงเปลี่ยนชุดกันชนพร้อมสปอยเลอร์ด้านหน้าและหลัง ไปจนถึงให้ล้อแบบปัดเงาลงในทุกรุ่นย่อยอย่างไม่มีกั๊ก
Isuzu MU-7 เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Isuzu MU-7
Isuzu MU-7 นับเป็นหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ที่คุ้มค่าและครบครันเรื่องการใช้งาน เป็นรถสำหรับครอบครัวก็ได้ หรือใช้ขนของก็ทำได้ดี ตลอดจนเครื่องยนต์กำลังแรง วิ่งได้ทุกเส้นทางเสมือนรถกระบะ ทั้งยังเป็นรถแบบ PPV รุ่นแรกในเมืองไทย ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม
สำหรับตลาดมือสองของ Isuzu MU-7 ถือว่ามีตัวเลือกหลากหลาย ความที่เป็นรถยนต์รุ่นฮิตมาก่อน มีทั้งเจ้าของขายเอง ทั้งเต๊นท์รถ เรียกว่าเลือกซื้อตามความสะดวกใจ แถมราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่สองแสนปลาย ๆ สบายกระเป๋าอยู่ อย่างไรก็ดีหากเป็นรถรุ่นแรก ๆ ก่อนซื้ออย่าลืมดูข้อมูลให้ดี ต้องตรวจสอบสภาพและศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะซื้อ เพื่อให้ได้รถที่ดีมาใช้งาน
