หากพูดถึงรถกระบะที่น่าจะครองใจพี่น้องชาวไทย มานานเกือบ 3 ทศวรรษ ชื่อของ Isuzu D-max ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกในใจของใครหลายคน การันตีด้วยยอดขายมากกว่า 160,000 กว่าคันในปี 2020 สิ่งที่ทำให้รถกระบะ D-Max ครองใจชาวไทยมาอย่างยาวนานคือ จิตวิญญาณของตัวรถที่เข้ากับความต้องการของคนไทยได้เป็นอย่างดี “รถที่ใช้งานได้จริง อึด ถึก ทนและประหยัด” และตอบโจทย์พวกเขาได้อย่างดี
D-Max ได้รับความนิยมอย่างมาก ประกอบกับการบอกเล่าแบบปากต่อปาก ส่งผลให้ชื่อ D-Max กลายเป็นชื่อรถที่หากใครอยากจะได้รถกระบะต้องนึกถึงเป็นแบรนด์แรก แม้ว่าแบรนด์อื่น ๆ จะมีข้อเสนอที่ดีแค่ไหน ก็ยากทีจะสู้กับชื่อเสียงของ D-Max และ “วิถีของ Isuzu” ได้อย่างแน่นอน
โดดเด่นด้วยพวงมาลัย Multi-Function และหน้าจอระบบสัมผัสที่สามารถเชื่อมต่อระบบอื่น ๆ ได้
เพื่อตอบสนองการบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม และให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
ทำให้ให้การเดินทางในระยะไกลของคุณไร้กังวลด้วยเครื่องยนต์ 3.0 DDI 190 แรงม้า
ด้วยถังกว่า 8 รูปแบบ ส่งผลให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ตั้งแต่หัวลากตอนเดี่ยว ไปจนถึงออฟโรด 4 ประตู
เพราะรถ Isuzu D-MAX เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ส่งผลให้มีศูนย์บริการที่สามารถหาได้ไม่ยาก
ถ้าหากมีการบรรทุกสิ่งของที่หนักจนเกินไปหรือเจอทางลาดชัน
เพราะขอบหน้าต่างและประตูของรถ Isuzu D-MAX อาจเสื่อมลงได้ในระยะยาว
สรุปราคามือสอง
หนึ่งในคำถามที่หลาย ๆ คนสนใจ คือ ราคามือสองของ Isuzu D-Max ดีไหม ต้องบอกว่าราคามือสองดีมาก ๆ แทบจะดีที่สุดในบรรดารถกระบะของแบรนด์เจ้าตลาด เนื่องจากราคาไม่ตกมาก (แล้วแต่สภาพและรุ่น) โดยค่าเฉลี่ยของราคานั้นจะตกประมาณปีละ 70,000 - 100,000 แสนบาท (เป็นปกติ) ซึ่งราคาแนะนำสำหรับ D-Max มือสองนั้นในแต่ละรุ่น / ปี มีดังนี้ หมายเหตุ - *ราคาเริ่มต้น อ้างอิงจาก Kaidee Auto รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นปี 2002
Isuzu D-Max เจเนอเรชัน 1 เปิดตัวและจำหน่ายอย่างเป็ทางการ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2002 ตัวรถออกแบบใหม่ทั้งหมด แปลกและแตกต่างจากกระบะรุ่นพี่ Golden Eye ชัดเจน พร้อมเข้ามาทำตลาดเพื่อเป็น Flag Ship ทดแทนได้อย่างลงตัว
สำหรับ D-Max มิติตัวถังใหญ่ขึ้น ในช่วงแรกทำตลาด 4 รุ่นย่อย Spark ตอนเดียว, Spacecab ตอนครึ่ง, Cab 4 ตัวถัง 4 ประตู และ Rodeo 4WD ขับเคลื่อน 4 ล้อ จากนั้นจึงเปิดตัว Hi-Lander กระบะยกสูง แล้วตามมาด้วยกระบะวัยรุ่นโฉมแต่ง X-Series
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล จับคู่กับระบบ คอมมอนเรล เป็นครั้งแรก มีให้เลือก 2 ความจุ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC ขุมพลัง 116 แรงม้า และ เครื่องยนต์ดีเซล บล็อกใหญ่ ความจุ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC จัดไป 146 แรงม้า สำหรับ D-Max เจเนอเรชัน 1 ราคามือสองเริ่มต้นที่ 119,000 บาท
รุ่นปี 2011
Isuzu D-Max เจเนอเรชัน 2เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2011 ตัวรถมาพร้อมรหัส RT50 และทำตลาดต่อเนื่อง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับ “รถไฟหัวกระสุน” มี 5 รุ่นย่อย Spark, Spacecab, Cab 4, V-Cross และ X-series
อัดแน่นด้วยขุมพลัง 4 ทางเลือก คือ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC ขุมพลัง 116 แรงม้า, เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TCX พลัง 136 แรงม้า, เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX พลัง 177 แรงม้า และ Ddi Blue Power บล็อกใหม่แต่ขนาดเล็กลง เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร รหัส RZ4E-TC พลัง 150 แรงม้า โดย D-Max เจเนอเรชัน 2 ราคามือสอง เริ่มต้นที่ 399,000 บาท
รุ่นปี 2019
Isuzu D-Max เจเนอเรชัน 3 โฉมปัจจุบันเปิดตัวเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2019 รูปโฉมอาจคล้ายเดิม แต่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดุดันขึ้น ทำตลาดด้วยคอนเซ็ปต์ “พลานุภาพพลิกโลก” มี 5 รุ่นย่อย คือ Spark, Spacecab, Cab 4, Hi-Lander และ V-Cross ขุมพลัง 2 ทางเลือก เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ VGS 1.9 ลิตร พลัง 150 แรงม้า และ ตัวท็อปสุด เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ VGS ระวาง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า นับเป็นการพัฒนาค่อนข้างเยอะตามเทรนด์ขุมพลังที่รักษ์โลกมากขึ้น D-Max เจเนอเรชัน 3 ราคามือสอง เริ่มต้น 679,000 บาท
Isuzu D-Max เปรียบเทียบสเปคเครื่องยนต์ทุกเจเนอเรชัน
บทสรุป Isuzu D-Max
การที่ D-Max มีให้เลือกหลากหลายรุ่นเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้สามารถเทียบกับรถกระบะอื่น ๆ ในตลาดได้แบบชัดเจน นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ แบรนด์ Royalty ที่แข็งแกร่งของ Isuzu สามารถครองใจของคนไทยได้มากเลยทีเดียว
โดยสรุปแล้วหากคุณต้องการที่ซื้อมาเพื่อการใช้งานเป็นหลัก ทั้งในเชิงพาณิชย์และในเรื่องความสะดวกสบาย D-max นับว่าตอบโจทย์มาก ๆ แถมยังดูแลรักษาได้ง่ายผ่านศูนย์บริการจากทั้งทางของแบรนด์ และทางของดีลเลอร์เอง ส่วนจะซื้อมือหนึ่งหรือมือสอง ก็อยู่ที่ว่าคุณใช้งานบ่อยแค่ไหนและกำลังทรัพย์คุณพร้อมหรือไม่